พบเบาะแสผู้ต้องสงสัยฆ่าหนุ่มใหญ่หมกคอนโดฯ หนีไปหัวหิน

30 พ.ค. – พบเบาะแสผู้ต้องสงสัยฆ่าหนุ่มใหญ่หมกคอนโดฯ ย่านงามวงศ์วาน จ.นนทบุรี อ้างตัวเป็นนักท่องเที่ยวฮ่องกง จ้างรถแท็กซี่จากพัทยาไปส่งที่หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์


กรณีคนร้ายสังหารโหดนายไพศาล หรือ โต๊ส อายุ 54 ปี พ่อค้าขายเสื้อผ้ามือสอง หมกศพไว้ในคอนโดมิเนียม ย่านงามวงศ์วาน จ.นนทบุรี คนก่อเหตุเป็นชายคนสนิทที่พักอยู่ในห้องด้วยกัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาตำรวจได้เบาะแสชายต้องสงสัย วงจรปิดจับภาพนั่งนถแท็กซี่ไปเช่าโรงแรมหรู พบว่าใช้เอกสารการเข้าพักของคนอื่น เจ้าหน้าที่เร่งแกะรอยล่าตัวอยู่ ล่าสุดมีคนเห็นไปโผล่ในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์

ขณะนี้ชุดสืบสวน จ.นนทบุรี เร่งแกะรอยคนร้าย พร้อมประสานชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยา แกะรอยจากกล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายได้ช่วงเวลา 21.22 น. วันที่ 27 พ.ค.67 เดินลากประเป๋าอยู่ริมชายหาดพัทยา แล้วเดินผ่านซอย 11 ถนนเลียบชายหาด เข้าพักโรงแรมแห่งหนึ่ง ตำรวจติดตามไปที่โรงแรม ปรากฏว่าคนร้ายออกจากห้องพักไปตอนเที่ยงวันที่ 28 พ.ค. 67


นายไพรวรรณ์ อายุ 51 ปี คนขับแท็กซี่ ซึ่งเป็นคนเรียกรถให้คนร้าย เล่าว่า ช่วงบ่ายโมงครึ่งวันที่ 28 พ.ค. 67 มีชายลักษณะคล้ายชาวต่างชาติ แต่งกายสวมเสื้อฮู้ด ผ้าบาง สีขาว กางเกงขายาว สวมแมสก์ ไม่สวมแว่นตา เดินมาเรียกแท็กซี่ที่จุดจอดข้างห้างฯ เพื่อนคนขับแท็กซี่จึงพาเดินมาหาตน เพราะเป็นคิวแรก ตนเองนั่งอยู่จุดจอดรถด้านหน้าริมถนนเลียบชายหาดพัทยา

ความคืบหน้าวันนี้ (30 พ.ค.) พบว่าคนร้ายขึ้นรถแท็กซี่บริเวณหน้าเซ็นทรัล พัทยาบีช ฝั่งชายหาดพัทยา เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อหนีไปยังพื้นที่หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

นางรัตน์ คนขับแท็กซี่ที่รับคนร้ายไปส่งต่อ เปิดเผยว่า รับคนร้ายขึ้นรถช่วงเวลา 13.40 น. และเดินทางไปถึงจุดหมายเวลา 18.00 น. โดยส่งคนร้ายที่ตลาดโต้รุ่งหัวหิน คนร้ายสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษตลอด และบอกให้ปลุก หากใกล้ถึงสนามบินหัวหิน จากนั้นนอนหลับตลอดทาง ซึ่งไม่มีการโทรศัพท์หาใคร ระหว่างทางคนร้ายถอดหน้ากาก แต่เห็นหน้าไม่ชัดเจน โดยคนร้ายไม่มีพิรุธ มีอาการปกติมากๆ เหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป บอกเพียงว่าเป็นชาวฮ่องกง จ่ายค่าโดยสารในราคา 4,000 บาท แล้วเดินลากกระเป๋าเข้าไปในซอยข้างตลาดโต้รุ่งหัวหิน โดยไม่มีใครมารอรับ


ส่วนความคืบหน้าทางคดี ที่ สภ.เมืองนนทบุรี นายฉัตรชัย พี่ชายของนายไพศาล ผู้เสียชีวิต พร้อมหลานสาว เข้าให้ปากคำกับ พ ต.ต.ฐิติปกรณ์ คุ้นปานอินทร์ สว.สส.สภ.เมืองนนทบุรี เกี่ยวกับเรื่องที่ถูกคนร้ายใช้แอปพลิเคชันไลน์จากโทรศัพท์มือถือของผู้ตายซึ่งเป็นอา ส่งข้อความมาหาเพื่อให้เตรียมเอกสารเกี่ยวกับธุรกิจส่งต่อให้กับพนักงานรับส่งเอกสารที่วิ่งมารอรับ เมื่อตนเห็นข้อความจากไลน์ของอา จึงจัดเตรียมเอกสารดังกล่าวให้กับพนักงานรับส่งเอกสารที่วิ่งมารับ วันนี้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติม และเชื่อมั่นว่าตำรวจจะจับกุมตัวคนร้ายได้อย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

หวยอลวน12ล้าน

หวย 12 ล้านพาวุ่น “ผู้กองเข้ม” แจ้งความ “ยายแหล่”

หวยอลวนมาอีกแล้ว หลังยายแหล่ แม่ค้าร้านลาบก้อย ที่เพิ่งถูกสลากฯ เป็นเศรษฐีใหม่ 12 ล้านบาท แต่มีตำรวจรายหนึ่ง ไปแจ้งความ ว่าถูกยายแหล่ ยักยอกทรัพย์

แอปฯ “ล่าเหรียญ” ฟีเวอร์ ทำชาวบ้านเดือดร้อน

แอปพลิเคชัน “Jagat” ฟีเวอร์ ทำวัยรุ่นว้าวุ่น แห่ล่าเหรียญแลกเงินที่กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทำชาวบ้านและผู้ประกอบการเดือดร้อน ตำรวจเตือนการแชร์พิกัดตำแหน่งอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเฝ้าติดตามและฉวยโอกาสขโมยทรัพย์สินได้ และอาจเสี่ยงเจอข้อหาบุกรุก