ธพ.แจงไม่ได้เสนอขึ้นราคาแก๊สโซฮอล์ 91

กรุงเทพฯ 4 ธ.ค. – กรมธุรกิจพลังงานไม่ได้เสนอปรับราคาแก๊สโซฮอล์ 91 ให้แพงขึ้น แต่การปรับราคาจะเป็นกลไกตลาดให้เหลือประเภทน้ำมันน้อยลง หลังไทยครองแชมป์มีชนิดน้ำมันมากสุดในโลก ด้านเอสโซ่สนับสนุน ขณะที่ ก.พาณิชย์เตรียมเสนอปรับบี 7 เป็นบี 10


นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า ไม่ได้มีแนวคิดเสนอให้ขึ้นราคาแก๊สโซฮอล์ 91 ให้เท่ากับราคาแก๊สโซฮอล์ 95 แต่เป็นเรื่องที่ศึกษามานานแล้วว่า ประเทศไทยมีน้ำมันหลายประเภทมากเกินไป จึงควรจะปรับลดชนิด จึงเสนอให้ราคา 2 ประเภทนี้เท่ากันหรือใกล้เคียงกัน จากปัจจุบันแตกต่างกัน 27 สตางค์ ซึ่งก็จะเป็นทางเลือกของประชาชนและผู้ค้าว่าจะค้าอะไร โดยรถยนต์ที่ใช้ออกเทน 91 ก็สามารถใช้ออกเทน 95 ได้ รถยนต์ก็ไม่เสีย เพราะราคาเท่ากันก็ได้ออกเทนสูงกว่าเดิม  นอกจากนี้ ปัจจุบันน้ำมัน E20 ก็เป็นออกเทน 95 รถรุ่นใหม่ที่ออกมาก็มาเลือกใช้ได้ แต่หากใครไม่อยากใช้ก็ไม่ได้บังคับอะไร 

“ขณะนี้มีสื่อโซเชียลวิจารณ์ว่าจะทำให้ราคาแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 เท่ากันทำไม ทำให้ราคาสูงขึ้น ก็ขอบอกว่าผมไม่ได้บอกว่าให้ราคาปรับขึ้น แต่เสนอให้ราคาเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน ไม่ได้บอกว่าจะขึ้นราคา อาจจะลด 95 ก็ได้ เพราะต้นทุนเกือบเท่ากันอยู่แล้ว อย่างปั้มซัสโก้บางปั๊มก็ทำ” อธิบดี ธพ.กล่าว


อธิบดี ธพ. กล่าวด้วยว่า ขณะนี้เตรียมข้อมูลเรื่องไบโอดีเซล การใช้ปาล์มน้ำมันมาผสมในสัดส่วนร้อยละ 7 หรือบี 7 รวมทั้งสตอกของผู้ค้าน้ำมันนำเสนอนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อเตรียมหารือกับนายสนธิรัตน์  สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สัปดาห์นี้ โดยทางกระทรวงพาณิชย์ต้องการให้สตอกเพิ่ม แต่ทางผู้ค้ามีถังแค่พอใช้ ไม่ได้มีถังมากพอสำหรับเก็บสตอกและคงจะต้องดูไปถึงผู้ใช้น้ำมันอีกด้วย เพราะหากเก็บสตอกมากเกินไปก็จะไปกดราคาในอนาคตอยู่ดี

ทั้งนี้ นายสนธิรัตน์ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ต้องการแก้ไขปัญหาปาล์มราคาตกต่ำจะลงพื้นที่ใต้ เพื่อดูปัญหาทั้งหมด โดยยอมรับว่าที่ผ่านมาราคายางพาราตกต่ำ ทำให้เกษตรกรเปลี่ยนมาปลูกปาล์มและส่งผลให้ผลผลิตออกมาก มีสตอกน้ำมันปาล์มดิบประมาณ 500,000 ตัน จากที่ไม่ควรเกิน 300,000 ตัน จึงจะขอความร่วมมือกระทรวงพลังงานสตอกวัตถุดิบเพิ่ม หรือพิจารณาปรับเพิ่มส่วนผสมไบโอดีเซลจากสูตรบี 7 เป็นบี 10 ได้หรือไม่ รวมทั้งจะเร่งส่งออกซีพีโอ


นายยอดพงศ์ สุตธรรม กรรมการและผู้จัดการการตลาดขายปลีก บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) กล่าวว่า เอสโซ่สนับสนุนให้ลดชนิดน้ำมันในประเทศ เพราะ ประเทศไทยมีปริมาณเชื้อเพลิงรถยนต์มากที่สุดในโลก หากรวมก๊าซแล้วมีถึง 8 ชนิด หากแก๊สโซฮอล์ 91 หรือแก๊สโซฮอล์ 95 เหลือเพียงชนิดเดียวผู้ค้าน้ำมันก็จะมีถังใต้ดิน เพื่อจัดการค้าน้ำมันสนองตอบผู้บริโภคดีขึ้น ส่วนการเพิ่มสตอกบี 100 นั้น ทางบริษัทไม่มีความเห็น เพราะมีการซื้อและมาผสมในสัดส่วนที่จำหน่ายอยู่แล้ว.  – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง