ฉะเชิงเทรา 17 พ.ย.-คนร้ายบุกขึ้นบ้านคุณยายวัย 80 ปีที่ตาบอดเดินไม่ได้ หวังอนาจาร โดยจับมัดมือ ผูกตา รัดปาก ก่อนจะพยายามถอดกางเกงและต่อยท้องหลายครั้ง สุดท้ายยายฮึดสู้ คนร้ายต้องรีบหลบหนีไป
พ.ต.อ.กิตติพัฒน์ พงษ์พนัส ผกก.สภ.บางปะกง ร.ต.ท.หญิงกรรณิการ์ ชมพูยอด รองสว.(สอบสวน) สภ.บางปะกง พร้อมชุดสืบสวน หน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา ตรวจสอบเหตุคนร้ายจับเจ้าของบ้านมัดไว้ ภายในบ้านเลขที่ 79 หมู่1 ต.บางเกลือ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา พบเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวแบบยกพื้นสูง ภายในบ้านพบยายวัย 80 ปี พิการตาบอด เดินไม่ได้และได้รับบาดเจ็บมีอาการจุกบริเวณท้อง ยายให้การว่าถูกคนร้ายเป็นชาย เดินย่องขึ้นมาบนบ้าน เนื่องจากมองไม่เห็นจึงไม่รู้ว่าเป็นใครก่อนใช้ผ้าปิดตา ปิดปาก และใช้เชือกมัดมือ ก่อนจะต่อยท้องหลายครั้ง และพยายามถอดกางเกง โดยที่ตนเองพยายามดึงกางเกงเอาไว้ไม่ให้คนร้ายถอดออกได้ ก่อนที่คนร้ายจะละความพยายามแล้ววิ่งลงจากบ้านไป โดยคนร้ายไม่ส่งเสียงเลยขณะลงมือ
ด้านนายเชื้อ เขียวชะอุ่ม อายุ 88 ปี พี่เขยเผยว่าบ้านหลังดังกล่าวตนเองอยู่กับ น.ส.เพ็ญศรี น้องภรรยา กันสองคน เนื่องจากภรรยาเสียไปแล้ว ซึ่งตนเองต้องคอยดูแล น.ส.เพ็ญศรี เพราะตาบอดและเดินไม่ได้ ช่วงเกิดเหตุนั้นไปช่วยงานศพที่วัดบางเกลือ พอกลับมาก็ตะโกนเรียก น.ส.เพ็ญศรี ตามปกติ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบเลยรีบเดินมาดูก็พบว่า น.ส.เพ็ญศรี ถูกเชือกมัดมือและมีผ้ารัดปากอยู่ก่อนจะช่วยกันแก้เชือกออกแล้วไปตามเพื่อนบ้านช่วยโทรแจ้งตำรวจ
ส่วน นายจำนง พุมนรินทร์ อายุ 52 ปี ชาวบ้านที่มาบริเวณดังกล่าวเห็นคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 30-35 วิ่งออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ไม่ทราบทะเบียน หลบหนีออกไปทางวัดลาดยาว ซึ่งทราบว่าคนร้ายเป็นที่อยู่ข้างบ้านของผู้เสียหาย ทางตำรวจเร่งนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ล่าสุดตำรวจสามารถจับกุมนายสมพงษ์ หรือตี๋ แก้วประเสริฐ อายุ 40 ปี คนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ พร้อมรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน-บอร์น ทะเบียน งจจ 435 ชลบุรี ซึ่งจอดไว้ที่บ้านของชาวบ้านข้างเคียง โดยเบื้องต้นนายตี๋ ให้การเพียงว่านำขนมไปให้คุณยายเท่านั้น และปฏิเสธว่าไม่ได้ลงมือก่อเหตุแต่อย่างใด แต่ทางตำรวจสอบพยานที่เห็นนั้นยืนยันว่าเป็นนายตี๋
เบื้องต้นตั้งข้อหากระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้นั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ และหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และจะรอสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติมเพื่อแจ้งข้อหาอื่นเพิ่มเติม.-สำนักข่าวไทย