fbpx

ผู้ว่าฯกทม.ให้ถ้อยคำศาลฯ รื้อถอนอาคารหรูล่าช้า

กทม.7 พ.ย.-ผู้ว่าฯกทม.ให้ถ้อยคำต่อศาลปกครองกลาง กรณีไม่รื้อถอนอาคาร ดิเอทัส ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด  โดยวันที่ 13พ.ย.นี้หากยังมีการใช้อาคาร ต้องเสียค่าปรับวันละ 30,000บาท 


วันนี้(7พ.ย.) ศาลปกครองกลางนัดไต่สวนกรณี นพ.สงคราม ทรัพย์เจริญ ผู้ฟ้องคดี กับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้อำนวยการเขตปทุมวัน คดีพิพาทเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด  เมื่อวันที่ 30ต.ค.2557ให้ผู้ถูกฟ้องดำเนินการรื้อถอนอาคารดิเอทัส ซอยร่วมฤดี ภายใน 60วัน นับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด โดย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. เข้าให้ถอยคำต่อศาลฯเกือบ 3ชั่วโมง 


พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวหลังให้ถ้อยคำต่อศาลฯ ว่า เมื่อทราบเรื่องเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้สั่งดำเนินการปิดป้ายระงับใช้อาคารดิเอทัส แจ้งผู้ครอบครองหรือผู้อยู่อาศัยละเมิดคำสั่งศาล และแจ้งครั้งที่ 2เมื่อวานนี้ (6 พ.ย.)ให้งดใช้อาคารภายใน 7วัน หากยังฝ่าฝืน ตั้งแต่วันที่ 13พ.ย.เป็นต้นไป กทม.อาศัยอำนาจทางปกครองดำเนินการปรับขั้นต่ำ วันละ 30,000บาท 

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวต่อไปว่า เมื่อวานนี้ได้เซ็นต์อนุมัติงบประมาณเกือบ 200ล้านบาทแล้ว เพื่อดำเนินการรื้อถอน ซึ่งต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายภายใน  90 วัน หรือประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ ถึงจะได้ผู้รับจ้าง หลังจากนั้นจะดำเนินการรื้อถอนทันที เบื้องต้นศาลก็เข้าใจเพราะผู้ถูกฟ้องไม่ทราบรายละเอียด  ซึ่งศาลก็ไม่ได้มีการนัดไต่สวนเพิ่มเติมแต่อย่างใด ยืนยัน กทม.ดำเนินการตามคำสั่งศาล 


ด้านนายเฉลิมพงษ์ กลับดี หัวหน้าศูนย์ทนายความเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะตัวแทนผู้ฟ้อง กล่าวว่า พอใจกับการดำเนินงานของ กทม.ถึงแม้จะล่าช้ายืดเยื้อมากว่า 3ปี ส่วนกรณีที่ทีมกฎหมายอาคารดิเอทัส มีหลักฐานเพิ่มเติม เตรียมชี้แจงในชั้นศาลนั้น ไม่กังวลเพราะตลอดระยะ เวลา 9 ปีที่ต่อสู้คดี มั่นใจไม่มีหลักฐานอะไร ที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งศาล .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย