รัฐสภา 6 มี.ค. – “ยุทธพร” เชื่อกคพ. รับคดีสว. ไม่ส่งผลต่อเสถียรภาพ เพราะต้องใช้เวลาสอบอีกยาว ย้ำเสถียรภาพรัฐบาลมีหลายปัจจัย ไม่มีพรรคการเมืองไหนยอมรับว่าเกี่ยวกับสว. บอกเวทีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคร่วมไม่ร้าว เล็งเป้านายกฯ คนเดียว จึงไม่มีเปรียบเทียบคะแนน
นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวภายหลังคณะกรรมการคดีพิเศษ มีความเห็นให้ดีเอสไอดำเนินคดีในฐานความผิดฟอกเงินเกี่ยวกับกระบวนการเลือก สว. ถึงประเด็นพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสว. ซึ่งกฎหมายดังกล่าวมีความชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่กับคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. กฎหมายอาญามาตรา 209 ฐานความผิดอ้างอั้งยี่ , มาตรา 116 ต้องอาศัยเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการพิเศษ และกฎหมายฟอกเงิน ที่ต้องอาศัยเสียงไม่เกินครึ่งหนึ่งของคณะกรรมการพิเศษ ซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ
นายยุทธพร มองว่า แม้ไม่ใช่เสียง 2 ใน 3 ดีเอสไอ ก็สามารถดำเนินการได้ โดยต้องดูว่าการฟอกเงินนั้น ไปถึงไหนแต่เชื่อว่า จะใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากมีพยานและหลักฐานจำนวน ยกตัวอย่างเช่น จำนวนรายชื่อ 1,200 คนที่หลุดออกมา แล้วยังไม่นับรวมคนที่อยู่วงนอกอีก จึงเชื่อว่าคงไม่เร็ว และอาจจะใช้เวลาเป็นปี นอกจากนี้ยังมีคำสั่งของพนักงานสอบสวนอีก ว่าจะฟ้องใครบ้าง หลังจากนั้นจะไปสู่ขั้นตอนของอัยการ เพื่อส่งศาลพิจารณา
ส่วนจะเป็นขัดขา สว. หรือไม่ นายยุทธพร มองว่าแม้คนที่เกี่ยวข้อง กับการได้มาซึ่งสว. มีโอกาสถูกดำเนินคดีไม่น้อย แต่ต้องดูพยานหลักฐาน พร้อมย้ำว่า การดำเนินคดีในความผิดมูลฐานอั้งยี่ ก็ต้องสู้ในฐานฟอกเงินด้วยเพราะสามารถเชื่อมโยงได้ ดังนั้นจึงต้องดูพยานหลักฐานว่าแค่ไหน และใครเกี่ยว
นายยุทธพร ยังบอกว่า ในตอนนี้เป็นเพียงแค่สอบในเบื้องต้นเพื่อนำพยานหลักฐานเข้าสู่ที่ประชุม ดังนั้นจึงเชื่อว่ายังไม่มีผลกระทบกับ เสถียรภาพของสว. เพราะต้องไปสู่บทสรุปก่อน
ขณะที่เสถียรภาพพรรคร่วมรัฐบาล นายยุทธพร มองว่า เกิดขึ้นในหลายปัจจัย เช่น เรื่องโควตารัฐมนตรี หรือจุดยืนทางการเมือง อีกทั้งสว.เป็นเพียง 1 ในปัจจัย เพราะไม่มีพรรคไหน ยอมรับว่าเกี่ยวข้องกับสว. แม้ว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์เชื่อมโยง ซึ่งนายยุทธพร เชื่อว่า หากทุกพรรคการเมืองปักธงเดียวกัน เพื่อมุ่งไปสู่การเลือกตั้งปี ครั้งต่อไป มองว่ายังไม่มีพรรคการเมืองไหนพร้อม ทั้งสรรพกำลัง และทุน
เช่นเดียวกันกับ การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะเกิดขึ้น ที่นายยุทธพร มองว่าจะไม่ทำให้เกิดรอยร้าวระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพราะ พุ่งเป้าอภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ทำให้ไม่เกิดการเปรียบเทียบ ว่าใครได้คะแนนมากหรือน้อย ที่จะส่งผลต่อความเชื่อมั่น ดังนั้นทั้งหมดต้องดูในระยะยาว
ส่วนผลที่ดีเอสไอออกมาในวันนี้ สืบเนื่องมาจาก 4 ผู้มีอิทธิพลพบกันที่บ้านจันทร์ส่องหล้า และทำให้ 2 พรรคการเมืองใหญ่ไม่กล้าแตกหักกันหรือไม่นั้น นายยุทธพร มองว่า ตั้งแต่ปี 2549 ประเทศไทยเป็นการเมืองคัดออก คือคัดตัวจริง ออกมาอยู่นอกสนาม ดังนั้นทุกครั้งที่มีการพบปะ ก็จะมีประเด็นทางการเมืองเชื่อมโยง ที่แม้อาจจะมีจริง แต่ไม่มีใครทราบเชื่อว่า การตัดสินใจที่เกิดขึ้น ได้พิจารณาอย่างระมัดระวัง เนื่องจากมีข้าราชการประจำอยู่ด้วย จึงต้องระมัดระวังในการใช้อำนาจ.-319 -สำนักข่าวไทย