วอชิงตัน 11 ก.พ.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐตกลงที่จะพิจารณาเรื่องยกเว้นการขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมอีกร้อยละ 25 ให้แก่ออสเตรเลีย หลังจากสนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซีของออสเตรเลีย
ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามประกาศเมื่อวันจันทร์เรื่องขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมนำเข้าทั้งหมดอีกร้อยละ 25 ยกเลิกข้อยกเว้นและข้อตกลงกำหนดโควต้านำเข้าโดยปลอดภาษี รวมถึงการยกเว้นภาษีให้แก่สินค้าบางอย่างสำหรับโลหะทั้ง 2 ประเภทนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม กับคู่ค้ารายใหญ่อย่างแคนาดา บราวิล เม็กซิโก เกาหลีใต้ และอีกหลายประเทศ
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า คำสั่งนี้บังคับใช้กับทุกประเทศโดยไม่มีข้อยกเว้น แต่ในเวลาต่อมาเขากล่าวหลังจากสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำออสเตรเลียว่า จะพิจารณาคำขอยกเว้นภาษีเหล็กของออสเตรเลีย เนื่องจากออสเตรเลียเป็นไม่กี่ประเทศที่สหรัฐได้ดุลการค้า และสั่งซื้อเครื่องบินของสหรัฐจำนวนมาก
ออสเตรเลียเป็นผู้ส่งออกเหล็กกล้า (steel) รายเล็กของโลก แต่ส่งออกสินแร่เหล็ก (iron ore) รายใหญ่ที่สุดในโลก ออสเตรเลียส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมไปสหรัฐเพียงร้อยละ 1 และ 2 ของที่สหรัฐนำเข้า นายกรัฐมนตรีอัลบาเนซีกล่าวกับผู้สื่อข่าวในวันนี้ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐตกลงที่จะพิจารณายกเว้นภาษีให้แก่ออสเตรเลีย เขามั่นใจว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับผู้นำสหรัฐได้ ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีการค้าของออสเตรเลียกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า การส่งออกของออสเตรเลียช่วยให้ชาวอเมริกันมีงานทำรายได้ดี
ออสเตรเลียเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงของสหรัฐในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก รัฐบาลออสเตรเลียเผยเมื่อปีที่แล้วว่า เหล็กกล้าของออสเตรเลียจำหน่ายให้แก่ผู้ต่อเรือรบรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เนื่องจากสหรัฐ ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร ในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนความมั่นคงไตรภาคีในชื่อออคัส (AUKUS) ต้องการบูรณาการห่วงโซ่อุปทานด้านกลาโหม
ด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี นางเพนนี หว่อง รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียได้ไปเข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อวันที่ 20 มกราคม ขณะที่นายริชาร์ด มาร์เลส รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลียเป็นรัฐมนตรีกลาโหมต่างชาติคนแรกที่ได้พบหารือกับนายปีเตอร์ เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐที่กรุงวอชิงตันเมื่อสัปดาห์ก่อน.-814.-สำนักข่าวไทย