กทม. 11 ก.พ.-รอง ผบช.น. แจงวิสามัญคนร้ายขโมยรถจักรยานยนต์ เป็นไปตามยุทธวิธี เนื่องจากคนร้ายพยายามจะยิงเจ้าหน้าที่ก่อน แบ่งแยก 4 สำนวนคดี เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
พลตำรวจตรี นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยความคืบหน้ากรณีรักรถจักรยานยนต์ถูกตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.คันนายาว วิสามัญ 1 คน ว่า คดีนี้เริ่มต้นมาจากมีการโจรกรรมรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ สน.คันนายาว 4-5 ครั้ง จึงได้สืบสวนสอบสวน จนพบว่าคนร้าย 2 คนแต่งกายด้วยชุดในวันก่อเหตุวันนี้ และเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ คนร้าย 2 คนนี้จะไปก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์1 คันที่ซอยคู้บอน 13 และเอามาจอดใต้ทางพิเศษฉลองรัช ในเวลา 6.00 น. และเอารถออกไปในเวลา 10.00 น. ของวันเดียวกัน
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ คนร้าย 2 คนนี้ได้มาก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ในซอยนวลจันทร์ 52 ฝ่ายสืบสวน สน.คันนายาว จึงมาดักซุ่มรอในที่จุดเกิดเหตุ เพราะคาดว่าคนร้ายจะเอารถมาจอดที่นี่ กระทั่งถึงเวลาเกิดเหตุ คนร้ายได้เข้ามาเอารถมาจอดไว้จริง ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุมล็อคนายศุภัช อายุ 27 ปี แต่คนร้ายอีกคนได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดหันมาทางตำรวจ บังคับให้ปล่อยตัวนายศุภัช ก่อนจะขึ้นรถจักรยานยนต์เพื่อจะขี่หลบหนี ตำรวจจึงใช้อาวุธปืนยิงออกไป 3 นัด กระสุนปืนเข้าที่ต้นขาซ้ายของนายศุภัช 1 นัด เข้าที่หมวกกันน็อคทะลุศีรษะ 1 นัด ส่วนอีก 1 นัดไม่โดน ทำให้นายศุภัชเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนอีกคนขี่รถหลบหนีไป สวมกางเกงขายาว เสื้อแขนยาวสีดำ สวมหมวกกันน็อคเต็มใบสีดำ ใช้รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเอ็กซ์แม็ก สีดำ ไม่ทราบป้ายทะเบียน ซึ่งจากแนวทางการสืบสวนขณะนี้พบว่ายังอยู่ในพื้นที่นครบาล
สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้นั้นเป็นไปตามยุทธวิธีและขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งมีหลักฐานเป็นภาพจากวงจรปิดปรากฏให้เห็นแล้วว่าคนร้ายพยายามที่จะทำร้ายตำรวจก่อน ตำรวจจึงต้องยิงเพื่อป้องกันตัว ซึ่งเรื่องนี้ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ไปชี้แจงกับญาติคนร้ายที่เสียชีวิตแล้ว
คดีนี้ต้องแยกสำนวนเป็น 4 คดี สำนวนที่ 1 คือเรื่องของการชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต สำนวนที่ 2 คือเรื่องที่ตำรวจวิสามัญคนร้าย สำนวนที่ 3 คือเรื่องป้องกันตัวของตำรวจ และสำนวนที่ 4 คือเรื่องที่คนร้ายไปก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์.-420.-สำนักข่าวไทย