ตำรวจไซเบอร์-FBI ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์อินเดีย หลอชาวอเมริกันโอนเงิน

กรุงเทพฯ 2 ธ.ค. – ตำรวจไซเบอร์ร่วมกับ เอฟบีไอ (FBI) ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์อินเดีย หลอกลวงชาวอเมริกันโอนเงินกว่า 1.7 ล้านบาท


พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. พร้อมด้วยผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย Mr. Benjamin และ Mr. Caroline ผู้ช่วยทูตฝ่ายกฎหมาย ร่วมแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์อินเดียข้ามชาติ ซึ่งหลอกลวงประชาชนชาวอเมริกันโอนเงินเข้าบัญชีในไทย โดยใช้บัญชีม้านิติบุคคลในการปฏิบัติการ

เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อวันที่ 10 ม.ค.67 หญิงชาวอเมริกันวัยสูงอายุพบปัญหาการล็อกอินบัญชี Microsoft จึงค้นหาหมายเลขทีมช่วยเหลือผ่าน Google และติดต่อหมายเลขที่พบในเว็บไซต์ปลอม คนร้ายซึ่งใช้สำเนียงภาษาอังกฤษแบบอินเดีย อ้างตัวเป็นทีมงาน Microsoft และให้เหยื่อติดตั้งโปรแกรมควบคุมระยะไกล ก่อนหลอกว่ามีการโอนเงินคืนผิดจำนวน จาก 49.99 ดอลลาร์ เป็น 49,999 ดอลลาร์ พร้อมขอให้เหยื่อโอนเงินคืนกว่า 49,840 ดอลลาร์ (ราว 1.7 ล้านบาท) ไปยังบัญชีในไทย ซึ่งมาทราบในภายหลังว่าแท้ที่จริงแล้ว ผู้เสียหายมีบัญชีธนาคารจำนวน 2 บัญชี คนร้ายได้ใช้โปรแกรมควบคุมระยะไกลโอนเงินของผู้เสียหายจากบัญชีธนาคาร A ไปยังบัญชีธนาคาร B จำนวน 49,999 USD ทำให้มียอดเงินเข้าบัญชีธนาคาร B คนร้ายจึงหลอกว่า โอนผิด แล้วให้ผู้เสียหายโอนเงินจากธนาคาร เข้าบัญชีคนร้ายที่อ้างว่าเป็นของบริษัทไมโครซอฟ


จากการสืบสวนของ FBI พบว่าแก๊งนี้มักหลอกลวงคนไทยที่ต้องการกู้เงิน หรือยืมเงินให้นำเอกสารส่วนตัวไปให้ จากนั้นจะนำเอกสารไปให้ตัวแทนนายหน้าที่รับจดทะเบียนนิติบุคคล ไปดำเนินการจดทะเบียนในรูปแบบ บริษัท หรือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยตัวแทนมีค่าดำเนินการจดทะเบียนจำนวน 7,000 บาท และนำเอกสาร นิติบุคคลไปเปิดบัญชีธนาคารในประเทศไทย เพื่อใช้เป็นบัญชีม้า ในการรับเงินจากเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านพักใน จ.พระนครศรีอยุธยา พบผู้ต้องสงสัยชาวอินเดียและหลักฐานสำคัญ 19 รายการ เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ บัตร ATM และของกลางอื่นที่เกี่ยวข้อง จำนวน 19 รายการ นอกจากนี้ยังสืบสวนพบว่าเงินที่ได้ถูกโอนซื้อทองคำแท่งโดยมีชายชาวอินเดียเป็นผู้รับทองคำ เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐาน อายัดบัญชีมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท และเชื่อว่าลักษณะการกระทำดังกล่าว เป็นขบวนการ และมีการแบ่งหน้าที่กันทำ

จากการขยายผลและรวบรวมพยานหลักฐาน สามารถแจ้งข้อกล่าวหาคนไทยจำนวน 3 ราย โดยทั้งหมดให้การเบื้องต้นว่า พวกตนได้นำเอกสารส่วนตัว อาทิ บัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน ให้แก่ ชายชาวอินเดียรายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ปล่อยเงินกู้ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และทราบภายหลังว่าเอกสารดังกล่าวถูกนำไปเปิดบัญชีม้า ทั้ง 3 คน ถูกดำเนินคดีในข้อหา ยินยอมให้ผู้อื่นนำบัญชีไปใช้ และล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐานจนขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับชาวอินเดีย ซึ่งเป็นตัวการสำคัญได้อีกจำนวน 2 ราย ในข้อหา “สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวข้องกับองค์กร อาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดย หลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน” พร้อมกับได้ประสานตำรวจสากลในการออกหมายแดง เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีมาดำเนินคดีต่อไป


ในการแถลงข่าววันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ร่วมกับ FBI และหน่วยงานในสหรัฐฯ ได้ส่งมอบเงินคืนแก่ตัวแทนผู้เสียหายจำนวน 1,643,349.40 บาท และผู้เสียหายเองได้ขอบคุณตำรวจไซเบอร์ไทย สำหรับการประสานงานปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติครั้งนี้ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศที่สำคัญในการยับยั้งอาชญากรรมไซเบอร์ที่แพร่กระจายทั่วโลก. -420-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ข่าวแนะนำ

วิสามัญมือยิงประธานสภา อบต.โพนจาน ยิงสู้ จนท.

วิสามัญมือยิงประธานสภา อบต.โพนจาน จ.นครพนม หลังหนีข้ามมา จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ปิดล้อมเกลี้ยกล่อมให้วางอาวุธ แต่ไม่สำเร็จ คนร้ายยิงต่อสู้

รมว.กต.กำชับเมียนมาเร่งปล่อย 4 คนไทย-เรือไทย

รมว.ต่างประเทศ เผยภายหลังอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก เชิญทูตเมียนมาเข้าพบ ขอเร่งปล่อย 4 คนไทย-เรือไทยที่อยู่ในการควบคุมโดยเร็ว กำชับทางการเมียนมาติดตามเรื่องนี้ด้วย

อธิบดีกรมราชทัณฑ์เผย “บุญทรง” เข้าเกณฑ์พักโทษ

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผย “บุญทรง” เข้าเกณฑ์พักโทษ ติดกำไลอีเอ็ม เงื่อนไขทั่วไป ห้ามไปต่างประเทศ ห้ามเคลื่อนไหวการเมือง