2 ธ.ค. – กสทช.จับมือตำรวจเปิดปฏิบัติการทลายเสาและสายเคเบิลเถื่อนขนาดมหึมาในพื้นที่แม่สอด ลอบแพร่สัญญาณครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจฝั่งเพื่อนบ้าน ป้อนสัญญาณให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์
พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช. ด้านกฎหมายและประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ, พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รรท.จตช. และ ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตร. (ศปอส.ตร.), พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กสทช. และตำรวจภูธรแม่สอด ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ลักลอบลากสายนำสัญญาณเถื่อนข้ามแดน และลักลอบตั้งฐานกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ตข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ด้านชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก
ต่อเนื่องจากการจับกุมในหลายพื้นที่ตลอดแนวชายแดน ตั้งแต่ จ.มุกดาหาร และ จ.หนองคาย การจับกุมครั้งนี้เป็นจุดใหม่ พบท่อเคเบิลขนาดใหญ่ จำนวน 16 เส้น นับเป็นการจับกุมสายเคเบิลเถื่อนขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา จากการตรวจสอบด้วยเครื่องมือพิเศษของ กสทช. พบว่าเครือข่ายดังกล่าวลอบกระจายสัญญาณไปยังพื้นที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่ฝั่งตรงข้าม ครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยตารางกิโลเมตร ป้อนสัญญาณให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ย้ายฐานมากระจุกตัวในพื้นที่ดังกล่าว พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวว่า
สืบเนื่องจากการจับกุมขบวนการลักลอบตั้งเสาลากสายสัญญาณพาดข้ามพรหมแดนไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดนหลายจุด และได้เร่งรัดตรวจสอบการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าวเรื่อยมา จนกระทั่ง กสทช. ภาค 3 ร่วมกับ สตช. สืบทราบว่า ยังมีขบวนการลักลอบตั้งฐาน รับส่งสัญญาณแบบจุดต่อจุด เพื่อส่งสัญญาณเน็ตข้ามประเทศ หลายจุดตลอดแนวชายแดนไทย-เมียนมาร์ และพบการลักลอบพาดสายสัญญาณความเร็วสูงขนาดใหญ่ ข้ามสะพานมิตรภาพไทย – เมียนมา แห่งที่ 1 (อ.แม่สอด) จำนวน 16 เส้น ในจำนวนนี้ เป็นสายไฟเบอร์ออฟติค ขนาด 216 คอร์ จำนวน 2 เส้น ขนาด 96 คอร์ จำนวน 2 เส้น และที่เหลือเป็นขนาด 24 คอร์ จากการตรวจสอบด้วยเครื่องมือพิเศษ (OTDR) พบว่าเครือข่ายนี้มีการลากสายลึกเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้านไกลหลายกิโลเมตร และจากขนาดสายทำให้สามารถกระจายสัญญาณ ครอบคลุมเมืองเศรษฐกิจ 4 แห่ง มีพื้นที่นับร้อยตารางกิโลเมตรป้อนสัญญาณให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ย้ายฐานมายังพื้นที่ดังกล่าวจำนวนมาก เชื่อได้ว่าการตัดสัญญาณของเครือข่ายดังกล่าวในครั้งนี้ จะทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ไม่สามารถเข้าถึงสัญญาณเน็ตได้ พฤติการณ์ของเครือข่ายนี้ถือเป็นการกระทำอย่างอุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย เป็นความผิดฐาน ประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นความผิด ตาม ม.67 (3) แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ ซึ่งต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พล.ต.ท.ธัชชัย กล่าวว่า ตามที่ ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ตนเป็นผู้รับผิดชอบศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตร. (ศปอส.ตร.) ที่ผ่านมาได้มีการประสานงานกับ กสทช. อย่างใกล้ชิด มีการจับกุมเครือข่ายขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก พร้อมเดินหน้าแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์แบบบูรณาในทุกมิติ ตั้งแต่การเดินหน้ารื้อสายเคเบิลผิดกฎหมายตลอดแนวชายแดน, การเข้าตรวจค้นตู้ซิม ตรวจยึดซิมการ์ดไทย 101,068 ซิม, SIM BOX และอุปกรณ์อื่นๆ เป็นจำนวนมากควบคู่ไปกับการจัดระเบียบร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ และการสร้างความตระหนักรู้กับประชาชน ซึ่งแต่ละส่วนมีความคืบหน้าไปมาก ขบวนการลักลอบพาดสายที่เราจับกุมได้ในวันนี้ ถือเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชน หลังจากนี้ตนได้สั่งการให้ทุกหน่วยที่มีพื้นที่รับผิดชอบ ติดแนวชายแดนประสานการทำงานกับ กสทช. ตรวจสอบการกระทำผิดในลักษณะนี้ หากตรวจพบให้ดำเนินการอย่างเฉียบขาดทุกราย.-412-สำนักข่าวไทย