สำนักข่าวไทย 19 ก.ย. – รพ.ปทุมธานี แจงเหตุลูก “ยอดรัก เพชรสุพรรณ” เสียชีวิตหลังคลอด คาดเด็ก โครโมโซมผิดปกติ เพราะแม่อายุมาก ส่งศพทารกให้ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ ชันสูตรหาสาเหตุที่ชัดเจน คาดอีก 4 สัปดาห์ ทราบผล แจง ทำตามมาตรฐานการคลอด เพราะปากมดลูกยังไม่เปิด
จากกรณีโซเชียลมีเดียได้เผยแพร่เรื่องของนายยอดรัก เพชรสุพรรณ นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ที่ต้องสูญเสียลูกหลังจากภรรยาคลอดบุตรได้เพียง 40 นาที โดยให้ข้อมูลว่า โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานีปล่อยปละละเลยให้นอนรอปวดท้องคลอดตั้งแต่เวลา 23.00-05.00 น.แต่ไม่ได้มีการให้ข้อมูลถึงสาเหตุการเสียชีวิตของลูกแต่อย่างใด ทำให้ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์จำนวนหนึ่งระบุว่า ควรรอคำชี้แจงจากโรงพยาบาลก่อน
นพ.มณเฑียร เพ็งสมบัติ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ รพ.ปทุมธานี กล่าวว่า สำหรับมารดารายนี้ มีอายุ 41 ปี ถือว่ามีอายุค่อนข้างมากในการตั้งครรภ์ โดยผู้ป่วยมารอคลอดเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา เวลา 12.50 น. อายุครรภ์ 37 สัปดาห์ เมื่อมาถึง มีมูกเลือดออกที่ช่องคลอด จากการตรวจของสูตินรีแพทย์พบว่าปากมดลูกยังไม่เปิดและระดับหน้าท้องเล็กกว่าปกติ มีอาการเจ็บครรภ์ห่างๆ แต่จากการติดเครื่องฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์เพื่อดูว่าเด็กผิดปกติหรือไม่ ต้องรีบคลอดหรือไม่ ก็พบว่าทุกอย่างเป็นปกติทั้งหมด จึงให้คนไข้นอนรอคลอด โดยมีพยาบาลดูแลทุก 2 ชั่วโมง ซึ่งมีบันทึกหลักฐานชัดเจน โดยระยะเวลาการรอคลอดก็เป็นไปตามมาตรฐาน อัตราการเปิดของปากมดลูกเป็นไปตามปกติคือเฉลี่ยชั่วโมงละ 1 เซนติเมตร
จนกระทั่งคลอดเมื่อช่วงประมาณ 06.00 น.ซึ่งคลอดง่าย เนื่องจากเป็นการตั้งครรภ์ครั้งที่ 3 แต่ระหว่างการเบ่งคลอดพบว่า เสียงหัวใจทารกลดต่ำผิดปกติ จึงรายงานกุมารแพทย์เพื่อช่วยเหลือ โดยทารกที่คลอดเป็นทารกเพศหญิง น้ำหนัก 1,830 กรัม แต่คลอดออกมาแล้วไม่ร้อง ตัวเขียว หัวใจ เต้นช้าน้อยกว่า 100 ครั้งต่อนาที กุมารแพทย์จึงช่วยทำการกู้ชีวิตทารกประมาณ 40 นาที แต่ไม่ดีขึ้นและเสียชีวิตลง ซึ่งจากการดูรูปร่างหน้าตาของเด็กแล้ว ทั้งมือ นิ้ว แขนขาและใบหน้า เหมือนเป็นผู้ที่มีโครโมโซมผิดปกติ คาดว่ามาจากแม่ที่มีอายุมาก ซึ่งเสี่ยงเกิดความผิดปกติกับทารกในครรภ์ได้ ตามปกติแล้วมารดาที่อายุมากกว่า 35 ปีทุกราย จะต้องมีการเจาะน้ำคร่ำ เพื่อตรวจความผิดปกติของเด็กในช่วงก่อน 20 สัปดาห์แรก เพราะหากเด็กมีความผิดปกติของโครโมโซมมากๆ ก็อาจแนะนำให้ยุติการตั้งครรภ์ เพราะเด็กอาจเสียชีวิตในครรภ์ได้
นพ.มณเฑียร กล่าวต่อว่า ในช่วงแรกมารดารายนี้ไปฝากครรภ์กับทางคลินิกเอกชน 3 ครั้ง ก็มีการแนะนำให้เจาะน้ำคร่ำตรวจ แต่ทางมารดาไม่ได้ตรวจ และช่วงหลังจึงมาฝากครรภ์ต่อที่ รพ.ปทุมธานี อีก 6 ครั้ง แต่การอัลตราซาวนด์ในภายหลังไม่ช่วยให้มองเห็นความผิดปกติของร่างกายหรือหัวใจของเด็ก แต่อาจเห็นเพียงว่าเด็กมีขนาดตัวเล็กกว่าปกติหรือไม่ น้ำหนักน้อยกว่าปกติหรือไม่ ส่วนการเจาะน้ำคร่ำก็จะไม่ดำเนินการหลัง 20 สัปดาห์แล้ว เพราะจะเป็นอันตรายได้
ทั้งนี้ ได้มีการเจรจากับทางผู้ป่วยในการส่งศพทารกไปชันสูตรที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต คาดทราบอีกประมาณ 4 สัปดาห์ พร้อมย้ำว่าเท่าที่พูดคุยกับทางผู้ป่วยไม่ได้ติดใจในเรื่องที่เด็กมีอาการผิดปกติและเสียชีวิต แต่ติดใจในช่วงขณะปวดท้องคลอดแล้วไม่ได้รับการดูแลมากกว่า อาจจะด้วยความกังวลว่าจะคลอดแล้วเหตุใดจึงไม่มาดู .-สำนักข่าวไทย