พ่อหวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม ลูกชายคนเล็กถูก “ติ๊ก ชีโร” ขับรถชน

กรุงเทพฯ 19 ม.ค. – พ่อหวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังสูญเสียลูก 2 คน ถูก “ติ๊ก ชีโร” ขับรถชนตกสะพาน ย่านสายไหม กรุงเทพฯ เหตุเกิดเมื่อ 10 ต.ค.67


กรณีนายศิริศักดิ์ นันทเสน หรือ ติ๊ก ชีโร่ อายุ 63 ปี นักร้องชื่อดัง ขับรถตู้ยี่ห้อฮุนได ชนรถจักรยานยนต์ ทำให้ น.ส.เทียนพร อายุ 28 ปี เสียชีวิต และนายจักรภัทร อายุ 21 ปี ตกสะพานสูง 10 เมตร ได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณกลางสะพานข้ามถนนเทพรักษ์ ถนนสุขาภิบาล 5 แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567

ล่าสุดนายจีรวัฒน์ พ่อของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า นายจักรภัคร หรือ จูเนียร์ อายุ 21 ปี ลูกชายคนเล็ก ที่ถูกติ๊ก ชีโร่ ขับรถชนจนบาดเจ็บสาหัส เสียชีวิตแล้วเมื่อวานนี้ (18 ม.ค.) หลังรักษาตัวนาน 70 วัน พร้อมเปิดเผยว่า เคยได้รับการช่วยเหลือแต่ยังไม่ได้รับการเยียวยา และไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้ โดยเสนอโฉนดที่ดินให้ แต่จะได้เงินต่อเมื่อขายได้ ยอมรับรู้สึกกังวลจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะสูญเสียลูก 2 คนแล้ว


นายจีรวัฒน์ กล่าวว่า วันนี้มาติดต่อทำเอกสารเพื่อรับร่างลูกไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่ผ่านมาน้องจูเนียร์ นอนอยู่โรงพยาบาล 70 วัน และออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2567 เพื่อไปพักฟื้นอยู่ที่ศูนย์พักฟื้นไม่ได้อยู่บ้าน หลังออกจากโรงพยาบาลน้องอาการดีขึ้น แต่ยังไม่ได้สติ มีสภาพเจาะคอ ให้อาหารทางสะดือ และใส่ท่อปัสสาวะ และเมื่อวานพาน้องมาหาหมอฉุกเฉิน เบื้องต้นมีการติดเชื้อที่ปอด แต่รายละเอียดว่าเสียชีวิตเพราะอะไรต้องรอหมอนิติเวชผ่าชันสูตร แจ้งอีกครั้ง

ระหว่างพักฟื้น ติ๊ก ชีโร่ มาเยี่ยมที่โรงพยาบาล 3 ครั้ง ส่วนการเยียวยาตั้งแต่เกิดเหตุที่ลูกคนโต คือ น.ส.เทียนพร เสียชีวิต ติ๊ก ชีโร่ ช่วยเงินมา 100,000 บาท เป็นค่าทำศพ และจ่ายค่าศาลาวัดให้ 70,000 บาท จากนั้นช่วยเหลือ หลังจากน้องจูเนียร์ ออกจากโรงพยาบาลมาอยู่ศูนย์พักฟื้น โดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงให้

ส่วนค่าเยียวยาทั้งหมด นายจีรวัฒน์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยคุยติ๊ก ชีโร่ เมื่อประมาณปลายเดือนตุลาคม 2567 ว่าจะยังไงกัน โดยได้เรียกร้องเงินไปจำนวนหนึ่ง แต่ผ่านมาเกือบ 3 เดือนแล้ว ยังไม่มีการตอบรับอะไรมา ซึ่งพ่อไม่ขอเปิดเผยยอดเงิน และในตอนนั้น ติ๊ก ชีโร่ ก็รับรู้รับทราบแล้ว บอกจะไปพิจารณาแล้วจะแจ้งกลับมา โดยมีการพูดคุยกันเป็นระยะ หลังพูดคุยก็เงียบไป


ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ตำรวจจะต้องส่งสำนวนให้อัยการ แต่ที่ผ่านมาตกลงเรื่องการเยียวยากันไม่ได้สักครั้ง เพราะทางติ๊ก ชีโร่ ไม่ได้มาเจรจาด้วยตนเอง ส่งตัวแทนมา ซึ่งในวันดังกล่าวตำรวจบอกถ้าไม่มาจะต้องสรุปสำนวนส่งอัยการแล้ว ทำให้ในวันนั้น ติ๊ก ชีโร่ ส่งตัวแทน เป็นน้องสาวมาเจรจา และแจ้งยอดเยียวยามาให้ทราบ ซึ่งน้อยกว่าเดิมที่ได้พูดคุยกันไว้ และบอกว่าเป็นยอดเยียวยาสำหรับน้อง 2 คน คือ คนที่เสียชีวิตคนแรก และคนเล็กที่รักษาตัวอยู่ เพราะในวันที่เจรจาน้องจูเนียร์ยังไม่เสียชีวิต

แต่การเยียวยาไม่ได้จะเยียวยาเป็นเงินสด โดยเสนอมีที่ดินอยู่ผืนหนึ่งใน จ.นครราชสีมา ราคาประมาณ 4-5 ล้านบาท แต่ไม่ได้บอกว่ากี่ไร่ และไม่ได้เห็นตัวโฉนดที่ดิน ถ้าขายได้จะนำเงินมาให้ แต่ไม่รู้จะขายได้เมื่อไร หรือถ้าจะไม่รอเงินที่ขายได้ก็พร้อมจะโอนโฉนดให้เป็นชื่อพ่อ ซึ่งตนเองได้ตอบไปแล้วว่าเงื่อนไขที่ยื่นมารับไม่ได้ เพราะไม่ทราบว่าราคาที่ดินจะเป็นไปตามที่แจ้งหรือไม่ และไม่รู้ว่าจะขายได้เมื่อไรด้วย รวมถึงวงเงินที่เสนอมา ดูแลน้องที่ป่วยได้ไม่เกิน 2-3 ปี คงจะหมด แล้วครอบครัวคงไปต่อไม่ได้ จึงได้ปฏิเสธไป

ทั้งนี้ หลังจากน้องเสียชีวิต พ่อและครอบครัวยังไม่ได้ติดต่อติ๊ก ชีโร่ วันนี้จึงอยากให้ช่วยพิจารณาการเยียวยา เพราะน้องอีกคนเสียชีวิตแล้ว

นายจีรวัฒน์ ยอมรับว่ารู้สึกกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะที่ผ่านมาดูการกระทำและพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุก็มาพูดคุยดี ติดต่อกัน แต่สิ่งที่พูดกับสิ่งที่ทำยังย้อนแย้งกัน เคยบอกว่ายินดีรับผิดชอบ จะดูแลทุกอย่าง ตามที่เขาเคยให้สัมภาษณ์ แต่ความเป็นจริงไม่ค่อยมี ถ้าไม่ทวงถามก็เงียบไป และในทางกลับกันบอกว่ายอมรับผิดแต่กลับไปสู้คดีร้องขอความเป็นธรรม พยายามทำคดีให้เป็นประมาทร่วม ซึ่งย้อนแย้งกับสิ่งที่เขาพูด พูดอย่างหนึ่งปฏิบัติอย่างหนึ่ง หลังจากนี้หากไม่ได้รับการเยียวยาคงต้องไปว่าในกระบวนการชั้นศาล ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง แต่หากจะมาร่วมงานศพน้องก็ยินดี

ทั้งนี้ ทางพ่อของน้องจูเนียร์ได้ติดต่อเรื่องเอกสารที่นิติเวชเพื่อขอรับร่างลูกชาย จากนั้นจะทางมาลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.สายไหม ตามขั้นตอน เพื่อจะได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมว่าการเสียชีวิตเป็นผลมาจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นหรือไม่ ก่อนจะไปรับร่างลูกชาย จากนิติเวช ในเวลา 13.00 น. เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน

สำหรับกำหนดการงานศพของน้องจูเนียร์ ในวันนี้ จะมีพิธีรดน้ำศพ และจะสวดอภิธรรมตั้งแต่วันที่ 19-21 มกราคม ก่อนจะฌาปณกิจในวันที่ 22 มกราคมนี้.-419-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย