ผู้ต้องหาเมาแล้วขับดับปริศนาในห้องขัง

นนทบุรี 11 พ.ย. – ผู้ต้องหาเมาแล้วขับดับปริศนาในห้องขัง แพทย์คาดดื่มแอลกอฮอล์มาก ทำให้ช็อกเส้นเลือดในสมองแตก ขณะที่ลูกสาวไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต หลังดูภาพวงจรปิด


เมื่อเวลา 06.30 น. วันนี้ (11 พ.ย.) สิบเวรประจำห้องควบคุมผู้ต้องหา สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี แจ้งผู้บังคับบัญชาว่านายทองใส อายุ 57 ปี ผู้ต้องหาคดีเมาแล้วขับถูกควบคุมตัวในห้องขังของโรงพักตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ (10 พ.ย.) เสียชีวิตอยู่ภายในห้องขัง ก่อนประสานอัยการ ฝ่ายปกครอง และแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าทำการชันสูตรร่างของผู้เสียชีวิต

สอบถามทราบว่า ผู้เสียชีวิตรายนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขังตั้งแต่เมื่อเย็นวานนี้ หลังถอยรถไปชนรถคู่กรณี เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรไปถึงที่เกิดเหตุได้ตรวจวัดแอลกอฮอล์ในร่างกาย พบว่า ผู้เสียชีวิตมีแอลกอฮอล์สูงถึง 135 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จึงแจ้งข้อหา เมาแล้วขับ พร้อมควบคุมตัวไว้ที่ห้องขัง เพื่อเตรียมส่งฟ้องศาลในวันนี้ โดยระหว่างควบคุมตัว ผู้เสียชีวิตอยู่คนเดียวในห้องขัง มีอาการโวยวายเป็นระยะ ก่อนจะหยุดไปเอง เมื่อตอนตี 3 ทางสิบเวรที่เฝ้าห้องขังยังพบว่าผู้เสียชีวิตนอนกรน คาดว่าน่าจะเสียชีวิตไม่นานก่อนที่สิบเวรห้องขังจะเข้าไปเห็น


ต่อมานางทิพวรรณ อายุ 56 ปี ภรรยาพร้อมลูกสาวเดินทางมาที่ สภ.ชัยพฤกษ์ เปิดเผยว่า สามีทำงานเป็นเจ้าหน้าที่เคลมประกันของบริษัทประกันแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี เมื่อวานนี้สามีบอกว่าจะออกไปเคลียร์เอกสารที่บริษัทแล้วก็เงียบหายไป จนมาทราบข่าวว่าสามีถูกตำรวจจับกุมตัวในข้อหาเมาแล้วขับ ปกติสามีจะดื่มเบียร์เป็นประจำวันละ 2-3 ขวด แล้วก็เข้าบ้านนอน แต่เมื่อวานไม่แน่ใจว่าออกไปทำงานแล้วไปดื่มต่อที่ไหนกับกลุ่มเพื่อนอีกหรือไม่ ถึงได้เมาจนถูกจับ ตอนนี้ยังสงสัยในสาเหตุของการเสียชีวิต เนื่องจากสามีไม่มีโรคประจำตัว

ร.ต.ต.สมิทธ สะแม สิบเวรประจำห้องควบคุมผู้ต้องหา กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขัง ลักษณะเหมือนกับคนเมาไม่ได้สติทั่วไป ตนเดินตรวจสอบ ก็เหมือนกับคนเมาหลับ ไม่มีอะไรผิดปกติ อากาศและอุณหภูมิก็ปกติ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ขึ้น

นางสาวฟ้าใส อายุ 23 ปี ลูกสาว เปิดเผยหลังจากเข้าไปดูร่างพ่อที่นอนเสียชีวิตอยู่ภายในห้องขัง บอกว่าพ่อนอนเสียชีวิต ในสภาพที่มือทั้งสองข้างหดเกร็ง กำมือขึ้นไว้บริเวณที่หน้าอก โดพ่ออยู่ภายในห้องขังเพียงคนเดียว และไม่มีบาดแผลใดๆ ตามร่างกาย แพทย์ตรวจสอบเบื้องต้นบอกว่า น่าจะเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมาก ทำให้ช็อกเส้นเลือดในสมองแตก ตอนนี้ไม่ติดใจประเด็นการเสียชีวิตแล้ว ให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”