รัฐสภา 4 พ.ย.- “แทนคุณ” ยื่นหนังสือถึงประธานสภา ส่งเรื่อง กมธ.ตรวจสอบ “สภาทนายความฯ-ทนายโจร” จี้เพิกถอนใบอนุญาตตลอดชีวิต พร้อมวอนหยุดทนายที่สร้างความแตกแยกระหว่างศาสนา หวั่นบานปลาย
นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ยืนหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร รับเรื่องแทน โดยขอให้ตรวจสอบการทํางานของสภาทนายความฯโดยเฉพาะกรณีทนายความกระทําผิดข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาทของทนายความต่อประชาชนผู้มีอรรถคดี
นายแทนคุณ กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนเป็นจํานวนมากถึงพฤติกรรมของทนายความที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมและกระทําผิดตอมรรยาททนายความหลายกรณี ยกตัวอยางเช่นมีการเรียกรับทรัพย์สิน นอกจากค่าวิชาชีพจากผู้เสียหายและคูกรณี โดยมีการนําข้อมูลของคูความฝ่ายหนึ่งไปเปิดเผยให้อีกฝ่ายเพื่อเรียกร้องทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด หรือที่เรียกว่า การตบทรัพย์บ้าง กรรโชกทรัพย์ ยักยอกทรัพย์บ้าง หรือนําทรัพย์สินของลูกความไปใชแสวงหาผลประโยชน์เพื่อกิจการของตนเองบ้าง เช่นนําทรัพย์สินของลูกความไปใช้ถายภาพเพื่อโฆษณาตนเองหรือธุรกิจของตน รวมทั้งกรณี ทนายความที่แสดงออกและใช้คําพูดที่เป็นการสร้างความแตกแยกทางสงคม แตกแยกระหวางศาสนา แสดงออกในลักษณะยุยงปลุกปั่นใหเกิดความเสียหายต่อความสงบและศีลธรรมอันดีของสังคมและใชกลไกทางกระบวนการยุติธรรม เพื่อเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้ง ฟ้องปิดปากผู้ที่เห็นต่าง หรือ SLAPP ซึ่งถือเป็นการกระทําที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพและละเมิดสิทธิมนุษยชนตามบทบัญญัติแหงรัฐธรรมนูญ
นายแทนคุณ กล่าวว่า เมื่อมีการร้องเรียนไปที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ สิ่งที่ได้คือ การอ้างกฎระเบียบที่ต้องส่งข้อมูลการกล่าวหาทนายความที่เป็นคู่ความให้ได้รับทราบ โดยมิได้มีการคํานึงถึงการคุ้มครองข้อมูลสวนบุคคลหรือปกปิดตัวตนของคู่ความ จนเป็นเหตุให้ทนายความที่ถูกร้องเรียนกลาวหาดังกล่าวกลับมาฟ้องปิดปากคู่ความ ทําให้ไม่มีคนกล้าไปร้องเรียน ซ้ำร้ายกว่านั้นกระบวนการพิจารณาดังกลาวไมมีกรอบเวลาในการทํางาน ไม่มีความชัดเจนและพบว่าอาจมีการปล่อยปละละเลย เพิกเฉยต่อปัญหา ใช้เวลาในการพิจารณานานนับปี สร้างความทุกข์ทรมานและความขดแย้งไมจบสิน โดยที่ทนายความถือวา เป็นผู้ที่มีความรู้ทางกฎหมาย สมควรที่จะเป็นที่พึ่งของประชาชน แตกลับกลายเป็นว่า ทนายความบางคนได้กลายเป็นส วนหนึ่งของความอยุติธรรมที่ทํารายประชาชนที่หวังพึ่งพาทนายความ เหมือนที่มีการเรียกทนายที่มีพฤติกรรมดังกลาววา “ทนายโจร” บ้าง “ทนายมิจฉาชีพ” บ้าง ดังนั้นจึงขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ส่งเรื่องให้คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตนพร้อมที่จะให้ข้อมูลและไปชี้แจง และส่งเรื่องไปยังสภาทนายความ ฯให้ทบทวนกระบวนการในการร้องเรียนมรรยาททนายด้วยการปกปิด และคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นคู่ความกับทนายความ เพื่อปกป้องสิทธิผู้กลาวหาตรวจสอบพฤติกรรมของทนาย ที่ถูกกล่าวหาหากพบวามีมูลขอให้ลบชื่อออกจากสารบบการเป็นทนายความโดยมิให้กลับมาเป็นทนายความได้อีกตลอดชีวิต พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลให้สาธารณะได้รับทราบ
นายแทนคุณ กล่าวด้วยว่ารู้สึกเป็นห่วงกรณีที่ทนายบางคนยุยงปลุกปันให้เกดความแตกแยกซึ่งนํามาซึ่งความไมพอใจระหวางศาสนิกชน ศาสนาทงศาสนาพุทธและศาสนาอิสลาม เพื่อเป็ นการป้องปรามเหตุการณมิให้บานปลาย จึงได้นําหลักฐานการโพสต์ขอความอันเป็นการกระทําที่หมิ่นเหม่ตอการละเมิดศรัทธา ศีลธรรมอันดี และเป็นภัยคุกคามความมั่นคง เพื่อมอบให้ประธาน เพื่อพิจารณาดําเนินการตัดไฟแตต้นลมกอนที่จะลุกลามบานปลาย กลายเป็ นความขัดแย้งระหวางศาสนาที่มิอาจระงับยับยั้งได้ทัน
ด้านนายคัมภีร์ กล่าวว่าหลังจากนี้จะให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณา ว่าเรื่องเกี่ยวข้องกับกรรมาธิการชุดใด และต้องดำเนินการอย่างไรเพื่อ ส่งเรื่องให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาดำเนินการต่อไป เพราะถือว่า เป็นเรื่องที่ ต้องเร่งดำเนินการตรวจสอบ โดยเฉพาะ ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับศาสนา เพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งบานปลาย.-312 -สำนักข่าวไทย