กรุงเทพฯ 2 พ.ย.-พิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุน INVESTORY จัดกิจกรรมเสวนา จาก “เคาะกระดาน” สู่ “คอมพิวเตอร์” เปิดหน้าประวัติศาสตร์การซื้อขายหุ้น จากยุคแรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน วิทยากรแนะนักลงทุนเตรียมพร้อมรับเทคโนโลยี AI ที่มีแนวโน้มจะมีการนำมาใช้เพื่อวิเคราะห์หุ้นมากขึ้นในอนาคต
ในโอกาสตลาดหลักทรัพย์ฯ ก้าวสู่ปีที่ 50 พิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุน INVESTORY จัดกิจกรรมเสวนา Plearn Talk & Tour ตอน จาก “เคาะกระดาน” สู่ “คอมพิวเตอร์” โดยมี นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเกียรตินาคินภัทร และ นายสมคิด จิรานันตรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัล อดีตประธาน Kasikorn Business Technology Group (KBTG) ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ย้อนอดีตระบบการซื้อขายหุ้นจากเคาะกระดานสู่คอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรก โดยมี นางสาวเดือนเพ็ญ จันทร์ศิริศรี ผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนาความรู้การเงินขั้นพื้นฐาน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้การต้อนรับ
นายบรรยงได้เล่าถึงประสบการณ์ช่วงเริ่มต้นที่มีการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยซึ่งมีการซื้อขายแบบเคาะกระดาน ลักษณะการทำงานของ Trader ซึ่งช่วงแรกนั้นมีโบรกเกอร์เพียง 30 ราย รวมถึงอธิบายวิธีการซื้อขายหลักทรัพย์ในระบบเคาะกระดาน กระทั่งในพ.ศ. 2534 จึงเปลี่ยนสู่ยุคซื้อขายด้วยคอมพิวเตอร์
การเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีของระบบซื้อขายหลักทรัพย์มาสู่ยุคคอมพิวเตอร์ที่สามารถรองรับปริมาณการซื้อขายแต่ละวันได้มากขึ้นนั้น มาพร้อมกับแนวคิดที่จะต้องมีการกำกับดูแลการซื้อขายให้เป็นอย่างสุจริต โปร่งใส และเป็นธรรมจึงเป็นที่มาของการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ขึ้นในพ.ศ. 2535
นายสมคิดเล่าถึงเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า เมื่อต้องมีการเปลี่ยนแปลงระบบการซื้อขายหลักทรัพย์จากเคาะกระดานเป็นคอมพิวเตอร์ ได้คัดสรรคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์เข้ามาทำงาน โดยได้นำระบบการซื้อขายจากต่างประเทศที่ก้าวหน้าที่สุดในยุคนั้น มาใช้ในตลาดหลักทรัพย์ของไทย
เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหลักทรัพย์พัฒนาเรื่อยมา จนถึงปัจจุบัน นักลงทุนนำ AI มาช่วยวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ที่มีผลด้านราคาของหลักทรัพย์แต่ละตัว โดยแนะนำนักลงทุนให้ศึกษาว่า AI จะมีส่วนช่วยในการลงทุนได้อย่างไร เนื่องจากเทคโนโลยีนี้ก้าวหน้าขึ้นจน AI มีแนวโน้มจะยิ่งฉลาดมากขึ้น
นายบรรยงกล่าวถึงยุคที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เริ่มมีบทบาทชัดเจนในระบบเศรษฐกิจว่า เกิดขึ้นภายหลังการลดค่าเงินบาทในพ.ศ. 2526 เงินลงทุนจากต่างประเทศเริ่มไหลเข้า ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นมาก
สำหรับการกระตุ้นปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากระบบเคาะกระดานมาเป็นระบบคอมพิวเตอร์นั้น นายบรรยงกล่าวว่า ในช่วงนั้นดึงนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา ทำให้ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยในปัจจุบันการสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนต่างชาติเป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมการซื้อขายในตลาดทุนไทยให้มีความคึกคักและส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง
จากนั้นพิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุน INVESTORY นำผู้เข้าร่วมเสวนา เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุน เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านการวางแผนการเงินและการลงทุน
ขอเชิญชวนผู้สนใจรับชมกิจกรรมเสวนา Plearn Talk & TOUR ตอน จาก “เคาะกระดาน” สู่ “คอมพิวเตอร์” ย้อนหลังได้ทาง Facebook : SET Thailand .-512.-สำนักข่าวไทย