“มาริษ” ย้ำรัฐบาล “แพทองธาร” มุ่งเข้า OECD

31 ต.ค.- “มาริษ” ย้ำรัฐบาล “แพทองธาร” มุ่งเข้า OECD เป็นสะพานเชื่อมประเทศกำลังพัฒนา เผย TDRI คาด GDP โตเพิ่ม 1.6% ปฏิรูปประเทศเทียบมาตรฐานสากล ยืนยันหวังเข้า BRICS เร็วที่สุด ปัดแบ่งกลุ่มการเมือง แต่ร่วมมือเวทีต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน


วันที่ 31 ตุลาคม 2567 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ณ กระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังกิจกรรมการเปิดตัวกระบวนการหารือเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development : OECD) ของไทย ร่วมกับนายมาทีอัส คอร์มันน์ (H.E. Mr. Mathias Cormann) เลขาธิการ OECD ณ วิเทศสโมสร เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567

นายมาริษ กล่าวว่า เลขาธิการ OECD ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเริ่มกระบวนการเข้าเป็นสมาชิกของไทย ได้หารือกับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร มูลนิธิคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อรับฟังความเห็น และสร้างความตระหนักรู้ในการเข้าเป็นสมาชิกของไทย ตลอดจนรับทราบความพร้อมและข้อจำกัดของไทยต่อการเข้าร่วมกระบวนการเป็นสมาชิกด้วย


“ทุกภาคส่วนทั้งนายกฯ แพทองธาร และผมย้ำเจตนารมณ์ที่สำคัญว่า เราต้องการเป็นสมาชิกของ OECD และย้ำผลประโยชน์ที่ไทยจะได้รับ และสิ่งที่ OECD จะได้รับจากไทยเช่นกัน”

นายมาริษ กล่าวต่อว่า ผลประโยชน์ที่ไทยและ OECD จะได้รับคือ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) คำนวณว่า การที่ไทยเข้าเป็นสมาชิก OECD จะทำให้ GDP เติบโตถึง 1.6% เพราะสามารถเพิ่มการแข่งขันของภาคธุรกิจ ก้าวข้ามกับดักการพัฒนาเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศรายได้ปานกลาง และยกระดับชีวิตของประชาชน เพราะไทยต้องปฏิรูปทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยอาศัยมาตรฐานตัวชี้วัดการปฏิรูปประเทศนี้ ทั้งนี้ การเข้าเป็นสมาชิก OECD ต้องมีการรับรองตราสารกฎหมายบางประการ ทำให้ประเทศไทยมีความชัดเจน โปร่งใส และมีมาตรฐานมากขึ้น ยกระดับคุณภาพทั้งหมดและกฎระเบียบให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล

นายมาริษ กล่าวต่อว่า OECD เห็นความสำคัญของไทย จึงต้องการให้ไทยเข้าเป็นสมาชิก OECD ในอดีต OECD มักถูกพูดถึงว่าเป็นกลุ่มของคนรวย (Rich Man Club) โดยประเทศพัฒนาแล้ว แต่พบว่าเมื่อเวลาผ่านไป ก็ต้องการขยายกรอบความร่วมมือให้ครอบคลุมถึงประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทยและประเทศอื่น ประเทศไทยเองต้องการมีบทบาทขับเคลื่อนประเทศกำลังพัฒนามีสิทธิมีเสียงกำหนดทิศทางของโลก และให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถกำหนดระเบียบโลกได้มากขึ้น


“สิ่งที่หลายคนเคยมองว่า OECD คือกลุ่มของคนรวย ตอนนี้ไม่ใช่ กลายเป็น OECD ต้องการขยายขอบเขตการพัฒนามาตรฐานให้ครอบคลุมมากขึ้น ไทยสามารถพูดให้เขาเห็นและนำคุณค่าสำคัญอย่างมาตรฐานการปฏิบัติที่ดีที่สุด (Best Practices) ไปส่งเสริมให้ประเทศกำลังพัฒนาเห็นความสำคัญเข้าร่วมมาตรฐานสากลมากขึ้น และประเทศกำลังพัฒนาก็มีคุณค่าและวัฒนธรรม เราจึงจะให้ OECD ต้องฟังในกลุ่มประเทศพัฒนาเช่นกัน เราเป็น Bridge Builder เชื่อมต่อไปยังกรอบความร่วมมืออีกหลายกรอบ เช่น ASEAN BIMSTEC APEC และ ACD ซึ่งตอบสนองนโยบายรัฐบาล”

ทั้งนี้ นายมาริษ ยังตอบสื่อมวลชนเกี่ยวกับเงื่อนไขภายในประเทศต่อการเข้าเป็นสมาชิกของไทยว่า ไม่มีความยากลำบาก เพราะต่อให้ไม่มี OECD ไทยก็มุ่งไปสู่ความเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว และเราต้องพัฒนาและปฏิรูปประเทศให้อยู่ดีกินดีมากขึ้น

ส่วนประเด็นระยะเวลาที่ต้องใช้ในการเข้าร่วมกลุ่ม ตามเป้าหมาย 5 ปีของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินั้น นายมาริษ ตอบว่า กระทรวงการต่างประเทศดูในเรื่องนโยบาย การวางแผนว่าจะกี่ปี ขึ้นอยู่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ได้กำชับให้กระทรวงร่วมมือ ผลักดันเป้าหมาย ภายในระยะเวลาที่หน่วยราชการกำหนด กระทรวงการต่างประเทศช่วยเขาผลักดันและเติมเต็มส่วนที่ขาด เพื่อให้เกิดโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับหน่วยราชการ รวมถึงภาคประชาชน

นอกจากนี้ นายมาริษ ชี้แจงถึงการสมัครเข้าร่วมกลุ่ม BRICS พร้อมกับกระบวนการเข้าร่วม OECD ว่า ทำได้เลย ชี้แจงหลายครั้งแล้วว่า การเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มประเทศต่าง ๆ นั้น ไม่ใช่แค่ BRICS หรือ OECD เป้าหมายสำคัญของรัฐบาลที่นำโดยนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เรามองความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ไม่ได้เป็นการรวมกลุ่มทางการเมือง

“คุณจะมีความขัดแย้งใด ๆ ก็เป็นเรื่องของคุณ แต่ไทยมองกรอบต่าง ๆ เป็นเวทีเพื่อส่งเสริมประเทศสมาชิกได้มีโอกาสมานั่งถกเถียงกัน เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ไม่นำไปสู่การแบ่งแยกกลุ่มการเมือง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว

ขณะเดียวกัน นายมาริษ ยังตอบชี้แจงถึงความคืบหน้าการเข้าร่วมกลุ่ม BRICS ว่า ยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการ BRICS มีขั้นตอนเกี่ยวกับการเป็นหุ้นส่วนต่อไป แต่เท่าที่ทราบกันนั้นเป็นข่าวจากสำนักข่าว จึงยังไม่มีการแจ้งอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ไทยต้องการเป็นสมาชิกแน่นอน เร็วที่สุด ขึ้นอยู่กับขั้นตอน ซึ่งต้องเคารพขั้นตอนที่เขามีอยู่ ไม่ว่าเป็นหุ้นส่วนหรือสมาชิก .312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ