ไทยออยล์ เรียกร้อง UJV เร่งจ่ายผู้รับเหมาช่วงและทำตามสัญญาก่อสร้าง

กรุงเทพฯ 29 ต.ค. – ไทยออยล์ เรียกร้อง UJV– Samsung, Petrofac และ Saipem” ผู้รับเหมาหลัก เร่งจ่ายผู้รับเหมาช่วงและทำตามสัญญาก่อสร้าง CFP ให้เสร็จสิ้นตามแผน พร้อมแจงช่วงโควิด-19 แก้ไขสัญญา EPC ให้งบฯ เพิ่มเติมไปแล้ว 550 ล้านเหรียญสหรัฐฯ


กรณีที่มีสื่อระบุ Saipem หนึ่งในบริษัทในกิจการร่วมค้าระหว่าง Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd., Petrofac South East Asia Pte. Ltd. และ Saipem Singapore Pte. Ltd. (เรียกรวมกันว่า “UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem”) ซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลักโครงการ CFP ของ บมจ.ไทยออยล์ จะถอนตัวจาก UJV เพราะขาดทุน เนื่องจาก UJV ตกลงราคาต่ำประมาณ 1 แสนล้านบาทเท่านั้น เทียบกับราคาตามเนื้องานจริงอยู่ที่ 1.4 แสนล้านบาทนั้น บมจ.ไทยออยล์ ชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่ถูกต้อง อันอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญในการดำเนินกิจการของไทยออยล์ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยประการที่อาจจะทำให้มีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์หรือต่อการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์

ไทยออยล์ ชี้แจงว่า ด้วยโครงการ CFP เป็นโครงการที่มีมูลค่าสูง ไทยออยล์จึงให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในเรื่องความโปร่งใส กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ให้มีความชัดเจนในทุกขั้นตอน การตรวจสอบภายใน โดยมีการแต่งตั้งผู้สังเกตการณ์อิสระ มีการนำแนวทางของ Integrity Pact (ข้อตกลงคุณธรรม) มาประยุกต์ใช้ โดยผู้สังเกตการณ์อิสระจะเข้าร่วมสังเกตการณ์ทุกขั้นตอนของกระบวนการประกวดราคาและมีความเป็นอิสระ เพื่อรายงานผลการปฏิบัติงานรวมถึงข้อสังเกตการณ์ต่างๆ โดยตรงต่อคณะกรรมการบริษัทฯ


ทั้งนี้ ในกระบวนการประกวดราคาผู้รับจ้างเหมาออกแบบวิศวกรรม การจัดหา และการก่อสร้าง (EPC: Engineering, Procurement and Construction) ของโครงการ CFP นอกจากมีการพิจารณาความเหมาะสมของผู้เข้าร่วมประกวดราคาแล้ว ไทยออยล์ได้จัดให้มีการชี้แจงข้อมูลโครงการฯ รายละเอียดของขอบข่ายงานที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมประกวดราคา รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประกวดราคาแต่ละรายเข้าสำรวจพื้นที่ก่อสร้างโครงการฯ อย่างละเอียด เพื่อนำไปใช้ประเมินแผนงานและมูลค่าการดำเนินงานโครงการฯ ก่อนที่ผู้เข้าร่วมประกวดราคาแต่ละรายจะยื่นข้อเสนอโครงการฯ บริษัทที่เข้าร่วมประกวดราคาแต่ละรายเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมถึงมีประสบการณ์ในการทำงานโครงการขนาดใหญ่มาแล้ว โดยการประกวดราคาดังกล่าวเป็นสัญญาจ้างแบบเหมารวม (Lumpsum Contract) ซึ่งไทยออยล์เชื่อมั่นว่าผู้เข้าร่วมประกวดราคาแต่ละราย จะนำเสนอราคาที่มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินโครงการ CFP ให้สำเร็จได้

ผลการประกวดราคา ปรากฏว่า บริษัท 1. Petrofac International (UAE) LLC, 2. Samsung Engineering Co., Ltd., และ 3. Saipem S.P.A. ได้รับการคัดเลือกและได้ทำสัญญาจ้าง EPC ดังกล่าวกับไทยออยล์ ดังนั้น Saipem ซึ่งเป็นคู่สัญญารายหนึ่งในสัญญาฯ กับไทยออยล์ จึงไม่สามารถที่จะถอนตัวออกจากสัญญาฯ ได้ นอกจากนี้ ไทยออยล์ยังได้ปฏิบัติตามสัญญาฯ มาโดยตลอด และหลังจากที่เริ่มก่อสร้างโครงการ CFP ไปแล้ว ได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 เมื่อปี พ.ศ. 2562 ในหลายๆ ประเทศ และเริ่มส่งผลกระทบอย่างมากต่อการบริหารงานและการก่อสร้างโครงการ CFP ของ UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 อย่างต่อเนื่องจนถึงปี พ.ศ. 2565 ดังนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2564 UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem ได้เริ่มเจรจากับไทยออยล์เพื่อขอเพิ่มงบประมาณในสัญญา EPC และขยายระยะเวลาส่งมอบโครงการ CFP ซึ่งไทยออยล์ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนตามหลักจริยธรรมแล้ว จึงได้อนุมัติการแก้ไขสัญญา EPC โดยให้งบประมาณเพิ่มเติมอีกจำนวน 550 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ไทยออยล์ขอยืนยันว่า ไทยออยล์ได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการผลักดันให้ UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem ชำระค่าตอบแทนค้างจ่ายให้กับผู้รับเหมาช่วง โดยได้มีการส่งหนังสือสอบถาม UJV และบริษัทแม่ของ UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem เกี่ยวกับมาตรการในการจัดการดูแลบริษัทผู้รับเหมาช่วงที่ยังไม่ได้รับชำระค่าจ้าง รวมถึงแผนชำระค่าตอบแทนค้างจ่ายมาโดยตลอด ซึ่งหาก UJV – ขาดสภาพคล่องจนไม่สามารถชำระค่าตอบแทนค้างจ่ายได้ บริษัทแม่ในฐานะผู้ออกหนังสือค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญา EPC ต้องให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ UJV โดย UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem ยืนยันว่า จะทำการชำระค่าตอบแทนค้างจ่ายตามเงื่อนไขของสัญญารับเหมาช่วง นอกจากนี้ ยังแจ้งไม่ให้ไทยออยล์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้รับเหมาช่วง เนื่องจากไทยออยล์ ไม่ได้เป็นคู่สัญญาในสัญญารับเหมาช่วง ดังนั้น หน้าที่ในการชำระค่าตอบแทนตามสัญญารับเหมาช่วงดังกล่าวเป็นหน้าที่ของ UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem ที่จะต้องรับผิดชอบโดยตรง


ไทยออยล์ ยึดมั่นในหลักบรรษัทภิบาล ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส และคำนึงถึงจริยธรรมและผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม โดยได้ชำระค่าตอบแทนให้ UJV อย่างครบถ้วนตามงวดงานของสัญญา EPC เพื่อให้การก่อสร้างโครงการ CFP สำเร็จและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย. -511 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”