บนสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์ว่า การให้สุนัขกินตับมากจะเป็นอันตราย วิตามินเอสะสมจนเป็นพิษ ทำให้สุนัขซึม เบื่ออาหาร เจ็บขาเวลาเดิน ?
🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รศ.สพ.ญ.ดร.อุตรา จามีกร ภาควิชาสัตวบาล คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ถ้าให้สุนัขกิน “ตับ” ปริมาณมากอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาพอสมควร สามารถเพิ่มความเสี่ยงทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ในภายหลัง
มีหลายปัจจัยที่ให้สุนัขกินตับมากอาจเป็นอันตรายได้ ?
“ตับ” มีวิตามินเอสูงมาก หากสะสมในร่างกายมากเกินไปจะเป็นพิษต่อสุนัขได้
ตับไก่ 100 กรัม มีวิตามินเอประมาณ 10,000 I.U.
ตับหมู 100 กรัม มีวิตามินเอประมาณ 21,000 I.U.
ถ้าเปรียบเทียบความต้องการวิตามินเอของสุนัขและแมว ก็จะอยู่ที่ประมาณ 100-110 I.U. ต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัว
พูดง่าย ๆ ถ้าเลี้ยงสุนัขมีน้ำหนักตัว 10 กิโลกรัม ก็จะต้องการวิตามินเอเพียงแค่ประมาณ 1,100 I.U. เท่านั้น
ดังนั้น ถ้าให้ตับไก่ 100 กรัมก็มีวิตามินเอแล้ว 1,1000 I.U. เท่ากับมากกว่าความต้องการไปแล้ว 10 เท่า
การที่จะทำให้เกิดภาวะความเป็นพิษ สุนัขจะต้องได้รับวิตามินเออย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เช่น หลาย ๆ เดือน หรือว่าได้รับครั้งเดียวมาก ๆ ซึ่งอาการจะปรากฏก็อยู่ในช่วงที่ได้รับวิตามินเอเกินตั้งแต่ 100 เท่า ถึง 1,000 เท่าขึ้นไป สัตว์ถึงจะเริ่มแสดงอาการผิดปกติของความเป็นพิษจากวิตามินเอ
เมื่อสุนัขได้รับวิตามินเอมากเกินไป จะส่งผลให้มีอาการซึม น้ำหนักลด และเบื่ออาหาร ซึ่งเป็นอาการโดยภาพรวมที่เจ้าของจะเริ่มสังเกตได้แต่อาการเหล่านี้จริง ๆ แล้วก็เป็น “อาการร่วม” ไม่ได้เป็นอาการที่จะชี้จำเพาะว่าถ้าสัตว์มีอาการเหล่านี้แล้วแปลว่ามีภาวะความเป็นพิษจากวิตามินเอที่ได้รับมากเกินไป
สุนัขมีขนและผิวหนังหยาบกร้าน ?
เรื่องนี้เริ่มมีความจำเพาะเจาะจงกับความเป็นพิษของวิตามินเอมากยิ่งขึ้น คือผิวหนังมีความผิดปกติ อาจจะมีการหนาตัว มีการลอก หรือที่เรียกว่าหยาบกร้านก็ได้
เมื่อสัตว์ป่วย ขนหรือสภาพเส้นขนจะไม่เป็นมันเงา แต่เป็นในทางตรงกันข้าม เรื่องนี้ถือว่าจริง
วิตามินเอส่งผลให้สุนัขเดินแล้วเจ็บขาอีกด้วย ?
ความเป็นพิษของวิตามินเอจะไปออกอาการที่ข้อ เรียกว่าเกิดอาการข้อแข็ง การขยับเขยื้อนอาจจะทำได้ลำบาก แล้วก็มีอาการเจ็บขา เรื่องนี้เป็นความจริง
อย่างที่บอกไปแล้วว่าอาการเหล่านี้ไม่ได้เป็นอาการที่จำเพาะเจาะจง อาจจะเป็นอาการที่เกิดจากสาเหตุอื่นก็ได้ อยากให้เจ้าของระวังไว้ ถ้าเป็นข้ออักเสบแล้วสุนัขไม่ยอมลุกขึ้นเดิน จะกลายเป็นว่าไม่ได้ให้กินตับ แต่ทำไมมีภาวะวิตามินเอเป็นพิษ
ให้ลูกสุนัขกินตับมากเกินไป อาจทำให้แคระแกร็น จริงหรือ ?
ทั้งลูกสุนัขและสุนัขที่โตเต็มที่แล้ว ถ้าได้รับสารอาหารที่ไม่สมดุลก็จะทำให้เกิดความผิดปกติได้
“วิตามินเอ” เป็นวิตามินกลุ่มที่ละลายในไขมัน ถ้าร่างกายได้รับมากเกินไปก็จะไปรบกวนการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมันชนิดอื่น ๆ (เช่น วิตามินดี) ซึ่งตรงนี้ โดยตัววิตามินเอที่มากเกินไป รวมไปถึงอาจจะไปเหนี่ยวนำให้ขาดวิตามินดี ก็เป็นสาเหตุร่วมที่จะทำให้เกิดความผิดปกติของพัฒนาการกระดูก อาจจะทำให้ผิดรูปร่าง หรือลูกสุนัขมีอัตราการเจริญเติบโตช้าลง หรือมีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ
คำแนะนำเรื่องปริมาณของตับที่ให้สุนัขกิน ?
ถ้าปกติ มีอาหารมื้อหลักที่เป็นอาหารสำเร็จรูป ผลิตอย่างมีมาตรฐาน ภายใต้การควบคุม หรือมีการขึ้นทะเบียนทางกฎหมาย ถ้ากินอาหารพวกนี้แล้วก็ไม่ควรให้เสริมมาก เพราะในอาหารสำเร็จรูปจะมีปริมาณของวิตามินเออยู่เพียงพอกับความต้องการของสัตว์แล้ว
ดังนั้น ให้ “ตับ” เสริมปริมาณไม่มากได้ และไม่ต้องให้ทุกวัน หรือไม่ควรให้เป็นอาหารมื้อหลักในปริมาณมาก ๆ
สุนัขกินตับมากก็ไม่จำเป็นว่าวิตามินเอเป็นพิษเสมอไป เนื่องจากมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น น้ำหนักตัว ความสม่ำเสมอ ความถี่ ความสด และวิธีการปรุงเกี่ยวข้องด้วย
สารอาหารทุกชนิดมีประโยชน์ แต่หากได้รับในปริมาณมากเกินไปอาจก่อให้เกิดโทษได้
สัมภาษณ์โดย ณัฐี วัฒนกูล
เรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล
ดูเพิ่มเติมรายการชัวร์ก่อนแชร์ : ให้สุนัขกินตับมากอันตราย จริงหรือ ?
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter