ชัวร์ก่อนแชร์ : เป็น “ไข้ทับระดูห้ามฉีดยา” เพราะอาจถึงตายได้ จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์แชร์ข้อความว่า “เป็นไข้ทับระดูห้ามฉีดยา” เพราะอาจถึงตายได้ จริงหรือ ?   🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ นพ.พูนศักดิ์ สุชนวณิช สูตินรีแพทย์ เรื่อง “ไข้ทับระดู” (Period Flu) มีการพูดกันมานานตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว “ไข้ทับระดู” ไม่ใช่โรคจำเพาะอะไร เป็นเพียงอาการไข้พร้อม ๆ กับช่วงที่มีประจำเดือน (หมายถึงมีประจำเดือนก่อนแล้วมีไข้) พอดี ซึ่งช่วงนี้ร่างกายอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงจากการเสียเลือด อ่อนเพลียจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน มีความรู้สึกเหมือนกับไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ จึงไม่แปลกที่บางครั้งมีไข้ระหว่างมีประจำเดือน จะรู้สึกอ่อนเพลียมากกว่าปกติ แต่เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉีดยา ถ้าจำเป็นจะต้องฉีดยาเพื่อรักษาโรคใดก็ตาม การฉีดยา “ในช่วงที่มีระดู” หรือ “ไม่มีระดู” ไม่มีความแตกต่างกัน สาเหตุที่ทำให้เป็นไข้ทับระดู ? “ไข้ทับระดู” ตัว “ไข้” จะเกิดได้เมื่อร่างกายอ่อนเพลีย ในช่วงที่ร่างกายพักผ่อนน้อย มีความเครียด ปฏิกิริยาของการมีไข้จะตอบสนองต่อความอ่อนแอของร่างกาย ถ้าช่วงนั้นมีอาการ เช่น ดื่มน้ำน้อยและเสียปริมาณน้ำในร่างกาย มีประจำเดือนเสียเลือดออกไป ก็เป็นสาเหตุทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นและมีไข้ได้ การติดเชื้อเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น […]

ชัวร์ก่อนแชร์ : ไข้ทับระดูมี 2 แบบ คือแบบที่ไม่มีโรคแอบแฝงและแบบที่มีสภาวะโรคแอบแฝง จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์แชร์ข้อความเกี่ยวกับ “ไข้ทับระดู” ว่ามี 2 แบบ คือแบบที่ไม่มีโรคแอบแฝงและแบบที่มีสภาวะโรคแอบแฝง จริงหรือ ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ นพ.พูนศักดิ์ สุชนวณิช สูตินรีแพทย์ ไข้ทับระดู (Period Flu) คือคำที่ใช้เรียกอาการป่วยของผู้หญิงในช่วงมีประจำเดือน (มีประจำเดือนแล้วมีไข้) คล้ายกับกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (Premenstrual Syndrome : PMS) ซึ่งเป็นได้ทั้งอาการทางร่างกายและจิตใจ เช่น  มีไข้ หนาวสั่น เจ็บเต้านม เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว ท้องอืด อ่อนเพลีย หรืออารมณ์แปรปรวน อาการมีไข้ “หลัง” มีประจำเดือน (มีประจำเดือนแล้วมีไข้) เรียกว่า ไข้ทับระดู ถ้ามีไข้ “ก่อน” มีประจำเดือน (มีไข้แล้วมีประจำเดือน) เรียกว่า ระดูทับไข้ ไข้ทับระดูที่พบมี 2 แบบ คือ ไข้ทับระดูที่ไม่มีสภาวะอื่นแอบแฝง และไข้ทับระดูที่มีสภาวะโรคแอบแฝง ไข้ทับระดู “ที่ไม่มีสภาวะอื่นแอบแฝง” คืออะไร ? […]

ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : ไขมันพอกตับเพราะกินหวาน ออกกำลังกายก็ไม่หาย จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์แชร์บทความเตือนว่า “ไขมันพอกตับคนไทยเป็นกันมาก ไม่ใช่เฉพาะดื่มเหล้าเท่านั้น กินอาหารที่มีน้ำตาลและรสหวานทั้งหลาย ออกกำลังกายก็ไม่ช่วย” จริงหรือ ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รศ.ดร.วันทนีย์ เกรียงสินยศ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล “ไขมันพอกตับ” ไม่ได้เกิดมาจากการดื่มแอลกอฮอล์เพียงอย่างเดียว แต่การกินอาหารคาร์โบไฮเดรตกลุ่มข้าวแป้งมาก ๆ โดยเฉพาะ “น้ำตาล” จะทำให้ได้พลังงานที่มากเกิน ตับก็จะสร้างพลังงานที่มากเกินนั้นเป็นไขมัน ซึ่งตอนแรกไขมันก็จะเก็บสะสมอยู่ที่ตับ แล้วต่อไปก็จะทำให้เซลล์ของตับมีการเสื่อมเสียไป อาจจะส่งผลต่อเอนไซม์ของตับสูงขึ้นและเกิดภาวะของตับอักเสบ ไขมันพอกตับเป็นสัญญาณของโรคหัวใจและหลอดเลือด ? ไขมันพอกตับมีส่วนสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคระบบหัวใจและหลอดเลือดมากขึ้นอยู่แล้ว นอกจากนี้ ไขมันพอกตับมีความสัมพันธ์กับโรคเบาหวาน หรือภาวะเมตาบอลิกที่ผิดปกติไป ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือ มีภาวะของน้ำหนักตัวเกิน และอ้วน ก็จะพบมากขึ้นโดยที่คนกลุ่มเหล่านั้นไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ ไขมันพอกตับมาจากน้ำตาลฟรักโทส หรือน้ำตาลอุตสาหกรรม ? ไฮฟรักโทสคอร์นไซรัป (High-fructose corn syrup : HFCS) จะให้ความหวานที่มากกว่าและราคาถูกกว่า ดังนั้นจึงมีการใช้กันมาก และในบางผลิตภัณฑ์ไม่ได้เขียนว่าเป็นน้ำตาล ทำให้เข้าใจผิด เพราะคิดว่าไม่มีน้ำตาลจึงกินเข้าไปปริมาณมากเกิน มีการศึกษาที่พยายามจะตอบว่า High-Fructose Corn Syrup ทำให้มีไขมันพอกตับมากกว่าน้ำตาลอย่างอื่นหรือไม่ อย่างเช่นน้ำตาลทรายทั่วไป โดยส่วนใหญ่พบว่าไปสัมพันธ์กับการได้พลังงานที่มากเกินไป […]

ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : วิธีปฏิบัติตนที่ถูกต้อง เมื่อถึงเวลาต้องอพยพฉุกเฉิน

🎯 หลายพื้นที่ประสบภัยจากน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมฉับพลัน สิ่งสำคัญที่สุดคือการรู้ทางหนีทีไล่ และวิธีอพยพ ออกจากพื้นที่เสี่ยง 👉 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ประชาสัมพันธ์แนะนำ “วิธีปฏิบัติตนที่ถูกต้อง เมื่อถึงเวลาต้องอพยพฉุกเฉิน” ดังนี้ 1. เตรียมกระเป๋าฉุกเฉิน และสิ่งของจำเป็นให้พร้อม 2. อพยพทันทีเมื่อได้รับสัญญาณเตือนภัย 3. ขนของขึ้นที่สูง พร้อมตัดระบบน้ำ และไฟให้เรียบร้อยก่อนอพยพ 4. ติดตามข่าวสาร สถานการณ์ต่าง ๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง 5. ไม่ขับรถผ่านบริเวณน้ำท่วมสูง 👉 การเตรียมพร้อมล่วงหน้าของประชาชน จะช่วยป้องกันอันตราย และลดความสูญเสียได้ สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย Line : @1784DDPM  X : @DDPMNews สามารถแจ้งและขอความช่วยเหลือ ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” รวมถึงสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง 👉 ข้อมูลจาก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : เตรียมตัวอย่างไร เมื่อต้องอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม

🎯 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับอิทธิพลของพายุโซนร้อน “วิภา” ที่จะส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของประเทศไทย “เตรียมตัวอย่างไร เมื่อต้องอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม” 👉 เนื่องจากประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่ม ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง และ/หรือ ผู้ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง ควรปฏิบัติดังต่อไปนี้ 1. ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดจากหน่วยงานราชการ แอปพลิเคชันแจ้งเตือนภัย และผู้นำชุมชน พร้อมปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด 2. ยกของขึ้นชั้นบนหรือที่สูง และอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านให้พ้นน้ำ 3. ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า เตาแก๊ส ยกเบรกเกอร์ เพื่อป้องกันความเสียหายและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น หากน้ำท่วมถึงระดับที่อาจเป็นอันตราย ควรตัดกระแสไฟฟ้าภายในบ้านเพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าช็อต 4. เตรียมกระสอบทรายเพื่อใช้อุดปิดช่องทางที่น้ำจะไหลเข้าบ้านและกำจัดขยะท่อระบายน้ำไม่ให้อุดตัน เพื่อให้ระบายน้ำได้ดี 5. จัดเตรียมเอกสารสำคัญ โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ทำอาหาร อาหารแห้ง น้ำดื่มสะอาด ยารักษาโรค และอุปกรณ์สิ่งจำเป็นต่าง ๆ ให้เพียงพอ พร้อมจดจำหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินของหน่วยงาน เพื่อขอความช่วยเหลือหากเกิดเหตุฉุกเฉิน และเรียนรู้เส้นทางอพยพไปยังที่ปลอดภัยใกล้บ้านที่สุด 6. หากได้รับคำเตือนให้อพยพจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรอพยพออกจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงอย่างรวดเร็วและปลอดภัย ไม่ควรขับรถฝ่าทางน้ำหลาก […]

ชัวร์ก่อนแชร์ : คำเตือนห้ามเด็กนอนคว่ำ จริงหรือ?

บนสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์คำเตือนสำหรับการเลี้ยงทารกว่า “ห้ามเด็กนอนคว่ำ ถึงแม้จะทำให้ศีรษะมีรูปร่างสวยงาม” จริงหรือ ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ นพ.ฉัตรชัย ธำรงอาจริยกุล สาขาวิชาโรคระบบประสาทวิทยา ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ การนอนคว่ำของเด็กที่คอยังไม่แข็งแรงมากพอ เด็กจะพยายามหันหน้าไปมา สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือผ้าห่ม หมอน เบาะรองนอน อุดกั้นจมูก ปาก ทำให้หยุดหายใจ และเสียชีวิตได้ ที่สหรัฐอเมริกา ประมาณปี 1990 พบเด็กทารกเสียชีวิตเฉียบพลันโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือเรียกว่าภาวะใหลตาย ปีละประมาณ 4,900 คน หลังจากนั้น สหรัฐอเมริการณรงค์ให้เด็กทารกเปลี่ยนมานอนหงาย อัตราการเสียชีวิตลดลงมาเหลือ 2,000 กว่ารายต่อปี ดังนั้น ท่านอนหงายจึงเป็นท่าที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเด็กทารก การนอนหงาย ทำให้ “ศีรษะ” แบน ? ถ้าให้เด็กทารกนอนหงายอย่างเดียวก็ทำให้ “ศีรษะแบน” ได้ วิธีแก้ไขก็คือระหว่างเด็กทารกหลับให้นอนหงายอย่างเดียวจนถึงอายุ 1 ขวบ เพื่อป้องกันอันตรายจากภาวะการหยุดหายใจ หรือทางเดินหายใจอุดกั้น เมื่อเด็กเริ่มตื่นดีพร้อมที่จะเล่นแล้ว สิ่งที่คุณแม่ควรทำก็คือจับลูกนอนคว่ำและเล่นกับลูก เด็กจะมีพัฒนาการได้ดีมากขึ้น กล้ามเนื้อคอจะแข็งแรงมากขึ้น จะเริ่มชันคอ […]

ชัวร์ก่อนแชร์ : ประโยชน์ของ “องุ่นดำ” จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์แชร์ว่า องุ่นต่างสีมีคุณประโยชน์แตกต่างกัน เช่น องุ่นดำ กินแล้วป้องกันมะเร็งลำไส้ หลอดเลือดหัวใจ หรืออัลไซเมอร์ จริงหรือ ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ดร.ภรัณยา ธิยะใจ นักปฏิบัติการวิจัย (ชำนาญการพิเศษ) สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ในท้องตลาดมีองุ่น 3 สี คือ องุ่นสีเขียว องุ่นสีแดง และองุ่นสีดำ (ม่วง) องุ่นทั้ง 3 ชนิด (3 สี) บางส่วนมีความแตกต่างกัน เช่น สารพฤกษเคมี โดยสารสำคัญที่เป็นตัวบอกความแตกต่างก็คือ สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารสีธรรมชาติชนิดหนึ่งให้สีแดงหรือสีม่วง ซึ่งจะพบในองุ่นแดงและองุ่นดำ (ม่วง) เป็นหลัก แต่โดยภาพรวมอื่น ๆ องุ่นทั้ง 3 ชนิดมีความใกล้เคียงกัน   องุ่นดำ มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น คาเทชิน และเทอโรสติลบีน จริงหรือ ? ในองุ่นดำมีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) […]

ชัวร์ก่อนแชร์ : 12 สัญญาณเตือนว่าตับพัง! จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์ 12 สัญญาณเตือนว่าตับพัง ! จริงหรือ ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ศ.ดร.นพ.ปิยะวัฒน์ โกมลมิศร์ ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านโรคตับ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สัญญาณเตือนใช้ได้ทั้ง 12 ข้อ แต่หากสงสัยควรไปพบแพทย์ ไม่ควรรอให้เกิดอาการครบทั้ง 12 ข้อ สัญญาณเตือนข้อ 1 : คลื่นไส้ อาเจียน ? ถ้าเป็นโรคตับจริงก็เกี่ยวกับตับอักเสบ ที่มีการอักเสบมากพอสมควร โดยพบมากในคนที่มีตับอักเสบเฉียบพลัน เป็นไวรัสตับอักเสบเอ ไวรัสตับอักเสบอี ที่กำลังอักเสบอยู่มักจะคลื่นไส้อาเจียนได้ สังเกตดูว่าถ้าคลื่นไส้ อาเจียนแล้วปัสสาวะเหลืองเข้มขึ้น ตาขาวสีเหลืองขึ้น น่าจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าเป็นเรื่องจากตับจริง ๆ สัญญาณเตือนข้อ 2 : อ่อนเพลียและเหนื่อยล้า ? อาการเพลียเป็นอาการที่บอกยาก เป็นอาการหนึ่งของโรคตับทั้งเฉียบพลัน ทั้งเรื้อรังได้ ปัญหาอยู่ที่ว่าผู้ป่วยโรคหัวใจก็เพลีย ทำงานหนักก็เพลีย โรคตับก็จะเพลียได้ ดังนั้น ถ้ารู้สึกเพลียผิดปกติ ไม่ได้มีสาเหตุที่แน่ชัด อาจจะเป็นโรคตับก็ได้ สัญญาณเตือนข้อ 3 : […]

ชัวร์ก่อนแชร์ : ประโยชน์ของ “องุ่นแดง” จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์แชร์ว่า องุ่นต่างสีมีคุณประโยชน์แตกต่างกันไป เช่น องุ่นแดงป้องกันโรคหัวใจ ช่วยชะลอวัย ลดการดูดซึมคอเลสเตอรอล จริงหรือ ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ดร.ภรัณยา ธิยะใจ นักปฏิบัติการวิจัย (ชำนาญการพิเศษ) สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยภาพรวมองุ่นสีเขียว สีแดง หรือสีดำ (ม่วง) มีความใกล้เคียงกัน แต่องุ่นทั้ง 3 ชนิด ก็มีความแตกต่างกันบ้างในคุณสมบัติบางส่วน คือสารพฤกษเคมี สารสำคัญที่เป็นตัวบอกความแตกต่างก็คือ สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) คือ สารสีธรรมชาติชนิดหนึ่งที่พบในพืช โดยเฉพาะในดอกไม้ ผลไม้ และพืชบางชนิดที่มีสีม่วง แดง หรือน้ำเงิน สารนี้จัดอยู่ในกลุ่มของฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) และมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ องุ่นแดง มีสาร “เรสเวอราทรอล” จริงหรือ ? เรสเวอราทรอล (Resveratrol) เป็นสารในกลุ่มโพลีฟีนอล (Polyphenols) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ที่มีประสิทธิภาพสูงตามธรรมชาติ  แม้ว่าจะพบได้ใน ถั่วลิสง […]

ชัวร์ก่อนแชร์ : ประโยชน์ของ “องุ่นเขียว” จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์แชร์ว่า องุ่นต่างสีมีคุณประโยชน์แตกต่างกัน เช่น องุ่นเขียวอุดมไปด้วยไฟเบอร์ มีแคลอรีต่ำ ช่วยเรื่องขับถ่ายและควบคุมอาหาร จริงหรือ ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ดร.ภรัณยา ธิยะใจ นักปฏิบัติการวิจัย (ชำนาญการพิเศษ) สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล “องุ่น” ต่างสีมีความแตกต่างกัน แต่บางจุดมีความเหมือนกัน เช่น สารสำคัญในองุ่นแต่ละสีมีสารที่อาจจะแตกต่างกัน ซึ่งก็จะให้คุณประโยชน์ที่อาจจะแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย แต่ว่าโดยรวมก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก องุ่นสีเขียวอุดมไปด้วย “ไฟเบอร์” จริงหรือ ? ไม่ว่าจะเป็นองุ่นเขียว องุ่นแดง หรือองุ่นดำ (ม่วง) ทั้ง 3 ชนิด มีปริมาณของใยอาหารไม่มากนัก ประมาณ 1-3 กรัม ต่อ 100 กรัม โดยปกติแล้วแนะนำให้กินใยอาหารวันละ 25 กรัม แต่ถ้าต้องการใยอาหารให้ได้ปริมาณนั้น อาจจะต้องกินองุ่นในปริมาณมากถึง 10 กิโลกรัม ซึ่งก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อสุขภาพ องุ่นเขียวมี “แคลอรีต่ำ” จริงหรือ ? ถ้ากินองุ่นในปริมาณที่เหมาะสม องุ่นก็เป็นผลไม้ที่มีแคลอรีไม่สูงมาก […]

ชัวร์ก่อนแชร์ : 12 สัญญาณผิดปกติของลูกแรกเกิดที่ควรรีบพบแพทย์ จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์ 12 สัญญาณผิดปกติของลูกแรกเกิดที่ควรรีบพบแพทย์ ตั้งแต่ตัวเหลืองผิดสังเกต ไปจนถึงมีน้ำไหลออกจากรูหู จริงหรือ ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ พญ.ลลิตวดี ทังสุภูติ กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์ – งานทารกแรกเกิด สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข  “12 สัญญาณผิดปกติของลูกแรกเกิดที่ควรรีบพบแพทย์” สามารถเชื่อถือได้บางส่วน และต้องมีการลงรายละเอียดเพิ่มเติมในแต่ละอาการ สัญญาณข้อ 1 : ตัวเหลืองผิดสังเกต ? “ตัวเหลือง” เป็นอาการปกติที่สามารถพบได้ในเด็กทารกแรกเกิด แต่การดูเด็กทารกแรกเกิด “ตัวเหลือง” ด้วยสายตานั้น ความน่าเชื่อถือค่อนข้างน้อย เนื่องจากแต่ละคนมีการประเมินไม่เท่ากัน อาการตัวเหลืองของเด็กทารกแรกเกิดที่พบมักจะเหลืองจากศีรษะลงไปที่เท้า ดังนั้น ถ้าเห็นว่าลูกมีอาการตัวเหลืองมากขึ้น แนะนำว่าควรพาไปพบแพทย์ สัญญาณข้อ 2 : สะดือมีกลิ่นเหม็น มีหนองหรือมีเลือดออก ? ภาวะนี้จะต้องสงสัยเรื่องของ “สะดืออักเสบ” เป็นอาการที่จะต้องพาไปพบแพทย์ สัญญาณข้อ 3 : ลูกซึม ไม่ยอมดูดนม ? “ซึม” และ “ไม่ยอมดูดนม” […]

ชัวร์ก่อนแชร์ : เขย่าลูก อันตรายจริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์ว่า “การเขย่าลูก” ทำให้เกิดอันตรายหลายอย่าง ตั้งแต่ทำให้เกิดเลือดออกในสมอง ไปจนถึงทำให้ตาบอด จริงหรือ ? 🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ นพ.กุลเสฏฐ ศักดิ์พิชัยสกุล กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์-งานประสาทวิทยา สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข การเขย่าลูกทำให้เกิดอันตรายจริง ทางการแพทย์เรียก “การเขย่าเด็กทารก” ว่า Shaken Baby Syndrome “Shaken” การเขย่า และ “Baby” เด็กทารก เขย่าลูกจะทำให้ “เลือดออกในสมอง” จริงหรือ ? การเขย่าเด็กทารก เด็กเล็ก ๆ อายุน้อยกว่า 2 ขวบ ทำให้เกิดเลือดออกในสมองได้ เด็กทารก เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 2 ขวบ ขนาดของศีรษะจะใหญ่กว่าขนาดตัว เมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว และกล้ามเนื้อคอของเด็กทารกก็ยังไม่แข็งแรงพอ ในกะโหลกศีรษะมีเนื้อสมองอยู่ ถ้ามีการเขย่าเกิดขึ้น ศีรษะก็จะมีการขยับไปมาด้วย การเขย่าแบบนี้ทำให้เนื้อสมองของเด็กถูกกระทบกระแทกทุก ๆ ด้าน เพราะ “กะโหลก” ก็คือกระดูกที่ห่อหุ้มสมอง จึงทำให้เกิดเลือดออกในสมองได้ […]

1 2 3 27