กทม. 25 ต.ค.-“ภูมิธรรม” มอง “พิเชษฐ์-ชลน่าน” โต้เถียงในสภาฯ มีความเห็นต่างเป็นเรื่องธรรมดา เตือนอย่าใช้อารมณ์มากเกินไป อยู่ในสถาบันทรงเกียรติ ประชาชนจับตาดูอยู่ เผยไม่ถึงขั้นต้องเรียกมาเคลียร์ใจ เดี๋ยวไปหาเอง ปัดสะท้อนเพื่อไทยร้าว เป็นเรื่องของมนุษย์ที่มีอารมณ์ความรู้สึกเท่านั้น
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีเกิดการโต้แย้งระหว่างนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน ในการลงมติรับรายงานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทาง การต่อร่างพระราช (พ.ร.บ.) บัญญัตินิรโทษกรรม ถึงขั้นมีการชี้หน้ากันกลางที่ประชุมสภาฯ ว่า ต้องทำความเข้าใจอย่างนี้ ที่จริงเรื่องความขัดแย้งหรือความเห็นต่าง เป็นเรื่องธรรมดาแต่ว่าบางทีผู้ที่อยู่ในความขัดแย้ง ก็เป็นไปได้ที่จะใช้อารมณ์มากเกินไป ที่จริงแล้วสิ่งที่นายแพทย์ชลน่านพูดก็มีความถูกต้องเพราะเรื่องของรายงานการประชุมไม่จำเป็นต้องมีการโหวตและไม่ต้องเสนอญัตติใหม่ มันเป็นเรื่องที่รายงานให้ทราบเท่านั้น สิ่งที่ต้องมาพิจารณาการก็คือข้อสังเกตจะรับหรือไม่รับเท่านั้นจบ แต่นายพิเชษฐ์อาจจะเข้าใจตรงนี้คาดเคลื่อนหรืออาจจะมีประเด็นอื่นตนก็ไม่ทราบขอไปดูในรายละเอียด แต่ว่าการมีปากมีเสียงกันตนว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็ต้องทำความเข้าใจกันให้ดีขึ้นและเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเพราะเราเป็นสถาบันที่ทรงเกียรติและมีการเปิดเผยต่อหน้าประชาชนก็ต้องมีความระมัดระวังให้มากขึ้น ตนเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายหลังจากที่คลายจากอารมณ์ความรู้สึกลง ก็คงจะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นและความผิดพลาดก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เป็นเรื่องที่ใหญ่มากที่ต้องมาพิจารณาอะไรกันที่เกินเลยไปตนว่าก็ทำความเข้าใจกันและวางบทบาทแต่ละฝ่ายให้ถูกต้องก็น่าจะโอเค แต่ตนก็ยังไม่ได้เจอทั้งสองท่าน
เมื่อถามว่าจะต้องเรียกทั้งสองท่านมาพบเพื่อเคลียร์ใจกันหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่าไม่ต้องเรียกมาเคลียร์ตนไปหาเขาได้ เมื่อเข้าพรรคก็คงมีโอกาสได้เจอกัน
เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะสะท้อนถึงปัญหาภายในพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม ร้อง ‘โอ้ว’ ก่อนกล่าวว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นเรื่องเดียว นิดเดียว มันไม่สะท้อนอะไรหรอกก็เป็นเรื่องที่สะท้อนมนุษย์แต่ละส่วนแต่ละคนมีความสัมพันธ์ที่มีอารมณ์ความรู้สึกเพราะฉะนั้นการออกมาของมนุษย์คนหนึ่งไม่ว่าแม้แต่ผมหรือใครก็ตามก็มีได้เพียงแต่ว่าเมื่อมีแล้วต้องเข้าใจและรีบปรับเปลี่ยนเท่านั้นเอง.-313.-สำนักข่าวไทย