“ชยพล” อัด นายกฯ ปล่อยทหารใช้ IO แทรกแซงการเมือง

รัฐสภา 25 มี.ค.-“ชยพล” อัด นายกฯ ทรยศประชาชน ปล่อยทหารใช้ IO แทรกแซงการเมือง ใช้ภาษีปลุกปั่นประชาชนให้เกิดความขัดแย้งเพื่อผลประโยชน์ของนายพล ด้าน “พิเชษฐ์” สั่งหยุดอภิปราย หลังประท้วงวุ่น ก่อนวินิจฉัย ให้อภิปรายต่อได้ แค่ปิดสไลด์

นายชยพล สท้อนดี สส.กทม.พรรคประชาชน กล่าวว่า ตนขออภิปรายไม่ไว้วางใจนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ให้บริหารราชการแผ่นดินอีกต่อไป เพราะนายกคนนี้ ถือเอาผลประโยชน์ของตัวเองและครอบครัวอยู่เหนือผลประโยชน์ของส่วนรวม มีพฤติกรรมโกหกหลอกลวง เป็นนั่งร้านให้กลุ่มบุคคลที่เป็นปฏิบัติต่อระบอบประชาธิปไตยเพื่อให้ตนเองและบิดาได้กลับมามีอำนาจ เหมือนอภิสิทธิ์ชน


“นายกรัฐมนตรีตระกูลชินวัตรคนนี้ ถึงกับทรยศต่อประชาชนแล้วหันไปสยบยอมต่อฝ่ายอำนาจนิยม ยอมละทิ้งการปฏิรูปกองทัพ ยอมปล่อยให้ทหารบางกลุ่มใช้กลไกของรัฐเป็นเครื่องมือในการแทรกแซงการเมือง ปล่อยให้ทหารบางกลุ่มใช้กลไกของรัฐไปคุกคามประชาชน ปกปั่นสร้างความแตกแยกเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตย จนยากจะเยียวยา” นายชยพล กล่าว

นายชยพล กล่าวว่า กลยุทธ์สำคัญที่กองทัพใช้เพื่อแทรกแซงการเมือง คือปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารหรือที่เรียกว่า IO ความขัดแย้งในสังคมเป็นเรื่องปกติ แต่มีหลายครั้งก็เกิดขึ้นจากการปลุกปั่น ขบวนการเหล่านี้มีเป้าหมายก็เพื่อการสร้างกระแสสังคมผิด ๆ สร้างความหวาดกลัวสร้างความเกลียดชังนำไปสู่สถานการณ์ที่ผู้อยู่เบื้องหลังได้ประโยชน์ แต่ที่แย่กว่านั้นคือกระบวนการ IO ของกองทัพไทยใช้ภาษีของประชาชนและกลไกของรัฐมายุยง ปลุกปั่น ประชาชนให้เกิดความขัดแย้งเพื่อผลประโยชน์ของนายพลบางกลุ่มให้มีข้ออ้างมาแทรกแซงการเมืองไปเรื่อย ๆ ขบวนการ IO กลับเติบโตและเลวร้ายกว่าเดิม


นายชยพล เปิดเผยว่า ในช่วงก่อนการเลือกตั้งปี 2566 มีการจัดโครงสร้างปฏิบัติการ IO ขึ้นมาใหม่ ให้ทุกข์เหล่าทัพรวมศูนย์ไปอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติการร่วมโดยมีไซเบอร์ทีมที่ตั้งขึ้นมาใหม่ คอยรับผิดชอบปฏิบัติการ IO กระบวนการ IO นี้ สุขสบายและเติบโตอย่างน่ากลัวภายใต้นายกที่ชื่อแพทองธาร จากที่ตนได้ติดตามไซเบอร์ทีมนี้ประชุมกันทุกวันพุธหรือพฤหัสบดี ซึ่งสถานที่ประชุมห่างจากสภาฯไป 2 กิโล และมีพลเอกธรรมนูญ วิถี รองผอ.ศปก.ร่วมฯ คอยบัญชาการทีมไซเบอร์โดยตรง ซึ่งเอกสารส่วนใหญ่ตนได้มาจาก เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจที่รับไม่ได้ กับปฏิบัติการที่สูญเสียกิตติภูมิของกองทัพ

โดยจุดที่น่าสนใจที่สุดของการอภิปรายครั้งนี้ นายชยพลเปิดเอกสารของ กอ.รมน. ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ขณะที่มีนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร นั่งเป็นผู้อำนวยการอยู่โดยตำแหน่ง เอกสาร “ประมาณการภัยคุกคามด้านความมั่นคงภายในราชอาณาจักร รอบ 1 ปี ห้วง 1 ต.ค. 67 ถึง 30 ก.ย. 68” ในประเด็นการประมาณการภัยคุกคามต่อสถาบันฯ หัวข้อ 4.1.2.1 ได้มีการระบุถึง “กลุ่มบุคคลที่แสวงหาผลประโยชน์โดยแอบอ้างสถาบันฯ” อยู่ด้วย โดยในหัวข้อนี้ได้กล่าวถึงบุคคล 3 คน ได้แก่ นายทักษิณ ชินวัตร, ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า, และนายอนุทิน ชาญวีรกุล 

“สุดท้ายก็ไม่มีใครรอด เพราะสำหรับนายพลบางกลุ่ม เขาต้องการผูกขาดความจงรักภักดีไว้กับกองทัพฝ่ายเดียว  ส่วนคนอื่นนั้น ถ้าไม่ถูกใช้ประโยชน์ชั่วครั้งชั่วคราว ก็ถูกมองว่าบุคคลที่แสวงหาผลประโยชน์โดยแอบอ้างสถาบันฯ นี่คือตัวอย่างของความเลวร้ายจากการที่ท่านนายกแพทองธารยอมปล่อยให้กลไกของกองทัพไม่ถูกกำกับควบคุมโดยรัฐบาลพลเรือน ปล่อยให้มีมือมืด ใช้ทรัพยากรของกองทัพเข้าแทรกแซงการเมือง ” นายชยพล กล่าว


ซึ่งระหว่างการอภิปราย นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ใช้สิทธิ์ประท้วงว่า ตนพยานต้องไล่ดูเอกสารที่นำเสนอ หากเป็นเอกสารจริง ถือเป็นเรื่องใหญ่และหากเป็นเอกสารเท็จ เรื่องก็จะยิ่งใหญ่ไปกว่าเพราะเป็นเรื่องความมั่นคงของรัฐ โยงไปถึงการกระทำผิดของหน่วยงานความมั่นคงของรัฐ ซึ่งต้องเป็นเรื่องจริง หากไม่ใช่เรื่องจริงตนคิดว่าประธานและตนรับมือไม่อยู่

ด้านนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่หนึ่ง ประธานในที่ประชุม กล่าวว่าเมื่อสักครู่ตนได้เตือนสมาชิกไปแล้ว ว่าแต่เราเอกสารลับของกองทัพออกมาแล้ว นำชื่อนายทหารมาตัดแปะ จึงเป็นห่วงว่า หากมีการดำเนินคดีหรือแจ้งความขึ้นมา เป็นความรับผิดชอบของท่าน

นายชยพล รับทราบและได้อภิปรายต่อ และได้ขึ้นสไลด์โชว์เอกสาร ทำให้นายพิเชษฐ์ เตือนอีกครั้ง พร้อมขอเอกสารหลังอภิปรายเสร็จ จะให้หลีกเลี่ยงการกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์

ทำให้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ลุกขึ้นประท้วง ประธานให้ควบคุมการประชุมให้เป็นกลาง เพราะกรณีนี้เป็นปฏิบัติการที่ไม่สมควร ไม่ใช่อยู่ดี ๆ ผู้อภิปราย กล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เป็นการกระทำบังอาจของคนกลุ่มนั้น ที่นำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องมือผู้อภิปรายกำลังปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

ด้านนายพิเชษฐ์ ได้วินิจฉัยว่า เป็นการเอ่ยถึงสถาบันพระมหากษัตริย์โดยไม่จำเป็น จึงไม่ให้เอ่ยอีกหากเอ่ยถึงอีก จะไม่ให้อภิปรายต่อ

นายชยพล จึงอภิปรายต่อและมีการกล่าวถึงชื่อบุคคลภายนอกจำนวนมากทำให้นายพิเชษฐ์ ท้วงอีกครั้ง ว่าการเอ่ยถึงชื่อบุคคลภายนอกที่ไม่อยู่ในห้องประชุมได้รับความยินยอมหรือไม่ เป็นเรื่องเสียหายเยอะ พร้อมถามว่าจะหยุดอภิปรายดีหรือไม่ แล้วท่านจะรับเรื่องนี้ไม่ไหว

นายประยุทธ์ ศิริพานิช สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ลุกขึ้นประท้วงอีกครั้ง ถึงการขึ้นภาพในสไลด์ และการอภิปรายให้อยู่ในประเด็น

นายพิเชษฐ์ จึงสั่งให้หยุดอภิปราย พร้อมบอกว่าจะรับผิดชอบเอง ทำให้สมาชิกฝ่ายค้านได้ลุกขึ้นประท้วงประธาน ให้เวลาสมาชิกอภิปรายต่ออีก 10 นาที แต่ห้ามขึ้นภาพสไลด์

หลังจากนั้นนายชยพลเปิดหลักฐานประเด็นหัวข้อที่มีการทำปฏิบัติการ IO ซึ่งได้แก่การส่องคดีทักษิณอ้างป่วยเรื้อรังเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ชกมวยอยู่เมืองนอก กลับไทยแล้วป่วย ขึ้นชื่อเป็นบุคคลสาธารณะทำไมตรวจสอบไม่ได้ นักโทษเทวดาลอยหน้าลอยตาในสังคม

นายชลพล ยัง อภิปรายสรุปทิ้งท้ายว่า สิ่งที่ตนได้เรียนรู้จากครอบครัวและโรงเรียนเตรียมทหาร คือ การเป็นทหารที่ดี มีเกียรติมีศักดิ์ศรีและการทำเพื่อประชาชนนั้นเป็นอย่างไร ประเทศไทยจำเป็นต้องมีกองทัพที่เข้มแข็งและมีศักยภาพเพียงพอจะเผชิญกับภัยความมั่นคงยุคใหม่ และทหารน้ำดีส่วนใหญ่ในกองทัพก็อยากเห็นกองทัพไทยที่ทันสมัย โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ พวกเขาอึดอัดที่เห็นนายพลบางกลุ่มหาผลประโยชน์จากกองทัพนำกองทัพไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองจนทำให้ภาพลักษณ์ของกองทัพตกต่ำลง พวกเขาไม่สบายใจที่มีนายพลบางกลุ่มมักแอบอ้างเรื่องสถาบันฯ เพื่อให้ตัวเองได้ดิบได้ดี ได้อำนาจ ได้งบประมาณ โดยไม่ต้องรับผิดชอบว่าพฤติกรรมการแอบอ้างของตนเองนั้น จะส่งผลกระทบต่อสถาบันฯ ในระยะยาวอย่างไร  

เรื่องเหล่านี้มันเกี่ยวข้องกับคนเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะถ้าเรามีนายกฯ ที่มีสำนึกประชาธิปไตย เห็นความสำคัญของการปฏิรูปกองทัพ เราจะมีกองทัพที่ดีต่อชาติ ประชาชน และระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่นางสาวแพทองธาร กลับเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่ดำเนินการตามนโยบายที่ให้สัญญาไว้กับประชาชน ละทิ้งการปฏิรูปกองทัพ เมื่อไรที่นายพลบางกลุ่มสามารถสร้างสถานการณ์จนสุกงอม พวกเขาก็พร้อมที่จะก่อรัฐประหารอีกครั้ง ตนจึงไม่สามารถไว้วางใจนายกรัฐมนตรีที่ชื่อแพทองธาร ชินวัตร ให้บริหารบ้านเมืองได้อีกต่อไป.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กั้นแนวถนนบ้านหนองจาน ตามประกาศเคอร์ฟิว

สระแก้ว 27 ส.ค. – มวลชนชาวไทยร่วมร้องเพลงชาติ ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 18.00 น. จากนั้นทหารขอความร่วมมือให้ออกนอกพื้นที่ ตามประกาศเคอร์ฟิว ก่อนนำลวดหนามและเครื่องกีดขวาง กั้นแนวขอบถนนศรีเพ็ญ ห้ามผู้ใดข้ามไป เพื่อความปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงข้าหลวงใหญ่ UN ปมกัมพูชา

สวิตเซอร์แลนด์ 27 ส.ค.-“มาริษ” เผยคุยรองข้าหลวงใหญ่ UN ปมไทย-กัมพูชา สัญญาณบวก เข้าใจไทยไม่ทำผิดกติการะหว่างประเทศ ไม่เห็นด้วย “ฮุน เซน” อัดเสียงคุยนายกฯ และการใช้สงครามข่าวปลอม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือกับนางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาในหลายประเด็น ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯมีความเห็นที่สนับสนุนประเทศไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่เป็นห่วงประเทศไทยมาก ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยมานานแล้ว มีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหาไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้งสองประเทศ และเมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้นไทยก็พยายาม แก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี เป็นการอธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เข้าใจว่าไทยปฏิบัติตามกติกา ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และพยายามหาทางให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทย ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลง MOU43 ที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี และด้วยความจริงใจ นับเป็นกลไกที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ คือการเจรจาทวิภาคีโดยสันติและจริงใจ โดยไทยยึดมั่นมาโดยตลอด และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของไทย นายมาริษ กล่าวว่าตนได้หยิบยกประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน อัดเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทย และนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง […]

“ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว

ศาลอาญาฯ 27 ส.ค. – “ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว เหตุคดีมีอัตราโทษสูง และมีทรัพย์สินมูลค่าความเสียหายสูง พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการป้องกันปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอฝากขังครั้งแรก พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือนายอลงกต พูลมุข ผู้ต้องหาที่ 1 และนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ผู้ต้องหาที่ 2 ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่รักษาทรัพย์ใดฯ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุญาตให้ฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.- 7 ก.ย.นี้ โดยผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 […]