เตือนทุกฝ่ายพร้อมรับนโยบายผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ หลังเลือกตั้ง 5 พ.ย.

กรุงเทพฯ 21 ต.ค. – สนค.เตือนทุกฝ่ายพร้อมรับนโยบายผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ หลังเลือกตั้ง 5 พ.ย.- แนะภาคธุรกิจที่ควรกระจายความเสี่ยง ขยายตลาดส่งออกไปยังภูมิภาคอื่นๆ นอกเหนือจากสหรัฐฯ


นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ย.นี้ ระหว่างรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน อย่างใกล้ชิด คาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจของไทย โดยนโยบายของทั้งสองฝ่ายมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ในประเด็นด้านการค้า การลงทุน และนโยบายที่อาจส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อ

ในกรณีที่แฮร์ริสชนะการเลือกตั้ง คาดว่าจะมีการสนับสนุนการค้าเสรีมากขึ้น โดยอาจมีการผลักดันให้สหรัฐฯ กลับเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ไทยพิจารณาเข้าร่วมเพื่อขยายการค้ากับประเทศสมาชิก นอกจากนี้ อาจมีการส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยีกับพันธมิตรในเอเชีย ซึ่งไทยอาจได้ประโยชน์จากการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการลงทุนในอุตสาหกรรม 4.0 อย่างไรก็ตาม แม้จะมีแนวโน้มใช้มาตรการที่นุ่มนวลกว่าทรัมป์ในเรื่องมาตรการทางภาษีกับจีน แต่ก็ยังอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อมโยงกับจีน ทำให้ไทยอาจต้องปรับตัวโดยการกระจายความเสี่ยงและหาพันธมิตรทางการค้าใหม่


ในทางกลับกัน หากทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่ง อาจมีการเพิ่มภาษีนำเข้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 60% หรือมากกว่า แต่ในขณะเดียวกันก็อาจเป็นโอกาสให้มีการย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังไทยเพิ่มขึ้น และความต้องการสินค้าทดแทนจากไทยในตลาดสหรัฐฯ อาจเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ สหรัฐฯ อาจเพิ่มมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี ซึ่งไทยจำเป็นต้องเตรียมพร้อมปรับปรุงมาตรฐานการผลิตให้สอดคล้อง เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ

ในกรณีที่แฮร์ริสได้รับชัยชนะ อาจส่งผลดีต่อการลงทุนในประเทศไทยในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเทคโนโลยีสะอาดและนวัตกรรม การส่งเสริมการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานชีวมวล อาจเปิดโอกาสให้บริษัทไทยที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้เข้าร่วมลงทุนในสหรัฐฯ นอกจากนี้ การสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีกักเก็บพลังงาน อาจนำมาซึ่งโอกาสในการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการร่วมลงทุนในการผลิตแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงสำหรับประเทศไทย ในด้านนวัตกรรม นโยบายของแฮร์ริสอาจส่งเสริมการลงทุนในเทคโนโลยี 5G และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเปิดโอกาสให้บริษัทโทรคมนาคมและซอฟต์แวร์ของไทยเข้าร่วมในห่วงโซ่อุปทานระดับโลก อีกทั้งการสนับสนุนการพัฒนา Smart City อาจนำมาซึ่งโอกาสในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ ยังอาจเกิดโอกาสในการร่วมทุนระหว่างบริษัทไทยและสหรัฐฯ ในการพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ (AgriTech) ซึ่งเป็นจุดแข็งของไทย

ในทางกลับกัน หากทรัมป์ได้รับชัยชนะ นโยบาย “America First” อาจส่งผลให้การลงทุนจากสหรัฐฯ ในประเทศไทยลดลง โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการผลิต การใช้มาตรการจูงใจทางภาษีเพื่อดึงการลงทุนกลับสู่สหรัฐฯ อาจทำให้บริษัทสหรัฐฯ ที่มีฐานการผลิตในไทยพิจารณาย้ายกลับประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนยานยนต์ของไทย นอกจากนี้ อาจเกิดการชะลอตัวของการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ สู่ไทย ซึ่งอาจส่งผลต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ในระยะยาว การลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) และนวัตกรรมจากบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ในไทยอาจลดลง รวมถึงอาจเกิดการจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงบางประเภท เช่น เซมิคอนดักเตอร์ หรือเทคโนโลยี 5G ซึ่งอาจส่งผลต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของไทย


นโยบายของแฮร์ริสที่มุ่งเน้นการลดค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัวชนชั้นแรงงานและการควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอาจส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อของไทยในทางที่เป็นประโยชน์ การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำและสวัสดิการสังคมในสหรัฐฯ แม้จะอาจเพิ่มต้นทุนการผลิต แต่ไม่น่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเงินเฟ้อในไทย ในขณะเดียวกัน มาตรการควบคุมราคายา ค่ารักษาพยาบาล และพลังงานในสหรัฐฯ อาจช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับราคาสินค้าในตลาดโลก ซึ่งเป็นผลดีต่อการควบคุมเงินเฟ้อในไทย นอกจากนี้ นโยบายที่มุ่งเน้นการควบคุมเงินเฟ้อในสหรัฐฯ อาจช่วยลดแรงกดดันต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของค่าเงินบาทและอัตราเงินเฟ้อในไทย

ในทางตรงกันข้าม นโยบายของทรัมป์ที่เน้นการลดอัตราดอกเบี้ยและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ อาจส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อของไทยในหลายมิติ นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอาจทำให้เกิดสภาพคล่องส่วนเกินในระบบการเงินโลก นำไปสู่แรงกดดันเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในประเทศคู่ค้าอย่างไทย ขณะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำอาจทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น กระทบต่อความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออกของไทย และอาจนำไปสู่การปรับตัวของราคาสินค้าภายในประเทศ ซึ่งมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อโดยตรง นอกจากนี้ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วในสหรัฐฯ อาจเพิ่มความต้องการสินค้าในตลาดโลก ทำให้ราคาสินค้านำเข้าของไทยสูงขึ้น ในขณะที่ภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯ อาจเพิ่มต้นทุนการนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบ ส่งผลต่อราคาสินค้าในประเทศไทย ท้ายที่สุด นโยบายการคลังแบบขยายตัว เช่น การลดภาษีและเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ อาจก่อให้เกิดแรงกดดันเงินเฟ้อในระดับโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อของไทยในระยะยาว

ในการเตรียมพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและนโยบายที่อาจตามมา ประเทศไทยควรดำเนินการในหลายด้าน เริ่มจากภาคธุรกิจที่ควรกระจายความเสี่ยงโดยขยายตลาดส่งออกไปยังภูมิภาคอื่นๆ นอกเหนือจากสหรัฐฯ พร้อมทั้งพัฒนานวัตกรรมและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ ควรติดตามนโยบายการค้าและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดเพื่อปรับตัวได้ทันท่วงที และพิจารณาการลงทุนในเทคโนโลยีสะอาดและพลังงานทางเลือกเพื่อรองรับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานในอนาคต

ในระดับประเทศ ไทยควรเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรมนุษย์เพื่อรองรับการลงทุนในเทคโนโลยีสะอาดและนวัตกรรม ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ สร้างความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเพื่อดึงดูดการลงทุนและสร้างห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่ง รวมถึงพัฒนานโยบายส่งเสริมการลงทุนที่ยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง

ในด้านเศรษฐกิจและการเงิน ภาครัฐควรเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบจากความผันผวนของราคาสินค้านำเข้า และพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้า นอกจากนี้ ควรส่งเสริมการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนในภาคธุรกิจ การติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงการเตรียมมาตรการรองรับที่ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ จะเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนโยบายเศรษฐกิจที่จะตามมา รวมถึงการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชน จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับความท้าทายและฉกฉวยโอกาสที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ. -511- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยึดรถบอสดิไคอน

ตำรวจยึดรถ “บอสพอล-บอสกันต์” เพิ่มเติมรวม 4 คัน

ตำรวจยึดรถ “บอสพอล-บอสกันต์” เพิ่มเติมรวม 4 คัน ขณะที่พนักงานสอบสวนชุดเล็กประชุมสรุปรายงานผลการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เตรียมรายงานคณะทำงานชุดใหญ่พรุ่งนี้

ระเบิดสะพานโจร

“ระเบิดสะพานโจร” ทำลายสายส่งเคเบิลขนาดใหญ่ ลักลอบพาดสายบนสะพานข้ามโขง

กสทช. จับมือตำรวจ สานต่อยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร” ทำลายสายส่งเคเบิลขนาดใหญ่ ลักลอบพาดสายบนสะพานข้ามโขง อย่างอุกอาจ เอื้อแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ว.วชิรเมธี

พระพยอมชี้ ท่าน ว.วชิรเมธี นั่งบนหิมะ ไม่ผิดวินัยสงฆ์

เพจดังลงภาพท่าน ว.วชิรเมธี นั่งสมาธิบนหิมะที่ญี่ปุ่น ด้านพระพยอมชี้ ไม่ผิดวินัยสงฆ์ คิดว่าท่าน ว.วชิรเมธี คงอยากทดสอบความอดทน

ข่าวแนะนำ

คลิปเสียงเทวดา

“บิ๊กเต่า” ยันไม่หนักใจปมคลิปเสียงดิไอคอน ลั่นจะจับเทวดา

“บิ๊กเต่า” ยันไม่หนักใจหากคลิปเสียงคดีดิไอคอนโยงไปถึงนักการเมืองจริง เตรียมประสานสอบเพิ่ม “บอสพอล” ยืนยันหากโยงไปถึงใครไม่มีละเว้น