นนทบุรี 6 ก.พ. – สนค.เผยดัชนีราคาผู้บริโภค ประจำเดือนมกราคม 2568 เท่ากับ 100.57 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นร้อยละ 1.32 (YoY) แต่ยังถือว่าเป็นภาวะเงินเฟ้อต่ำโดยปัจจัยหลักมาจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย เดือนมกราคม 2568 เท่ากับ 100.57 เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2567 ซึ่งเท่ากับ 99.26 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นร้อยละ 1.32 (YoY) โดยปัจจัยหลักมาจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นผลจากฐานราคาต่ำในปีที่ผ่านมา ประกอบกับราคาสินค้าในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มปรับตัวสูงขึ้นจากราคาผลไม้สด เครื่องประกอบอาหาร และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เป็นสำคัญ สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนธันวาคม 2567 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยสูงขึ้นร้อยละ 1.23 (YoY) ซึ่งยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 24 จาก 135 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศอาเซียนจาก 8 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (บรูไน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม สปป.ลาว) สำหรับเฉลี่ยทั้งปี 2567 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของประเทศไทยสูงขึ้นร้อยละ 0.40 (AoA) อยู่ระดับต่ำอันดับที่ 6 จาก 135 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่สูงขึ้นร้อยละ 1.32 (YoY) ในเดือนนี้ มีการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าและบริการ ดังนี้
หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ 1.78 (YoY) จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ กลุ่มผลไม้สด (ฝรั่ง มะม่วง สับปะรด) กลุ่มอาหารสำเร็จรูป (ข้าวราดแกง กับข้าวสำเร็จรูป ข้าวผัด) กลุ่มเครื่องประกอบ อาหาร (มะพร้าว (ผลแห้ง/ขูด) น้ำมันพืช ซอสหอยนางรม) กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำอัดลม กาแฟ (ร้อน/เย็น)) กลุ่มข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง (ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ขนมอบ) กลุ่มเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ (ปลานิล ปลาทูนึ่ง ปลาทู กุ้งขาว) กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำตาล (ขนมหวาน น้ำตาลทราย) และกลุ่มผักสด (แตงกวา ผักบุ้ง ถั่วฝักยาว เห็ด) อย่างไรก็ตาม มีสินค้าหลายรายการที่ราคาลดลง อาทิ ไก่ย่าง พริกสด มะนาว หัวหอมแดง กระเทียม ผักกาดขาว และกะหล่ำปลี เป็นต้น
ส่วนหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 1.00 (YoY) จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง อาทิ น้ำมันดีเซล แก๊สโซฮอลล์ และน้ำมันเบนซิน นอกจากนี้ ค่ากระแสไฟฟ้า ค่าเช่าบ้าน และค่าโดยสารเครื่องบิน ปรับสูงขึ้นเช่นกัน ขณะที่ยังมีสินค้าสำคัญหลายรายการที่ราคาลดลง อาทิ ของใช้ส่วนบุคคล (ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว สบู่ถูตัว น้ำยาระงับกลิ่นกาย) สิ่งที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด (ผลิตภัณฑ์ซักผ้า น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างห้องน้ำ) และเสื้อผ้า (เสื้อยืดบุรุษและสตรี เสื้อเชิ้ตบุรุษและสตรี กางเกงขายาวบุรุษ) เป็นต้น
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก) สูงขึ้นร้อยละ 0.83 (YoY) เร่งตัวขึ้น จากเดือนธันวาคม 2567 ที่สูงขึ้นร้อยละ 0.79 (YoY) ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนมกราคม 2568 เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2567 สูงขึ้นร้อยละ 0.10 (MoM) ตามการสูงขึ้นของหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ร้อยละ 0.18 (MoM) ปรับสูงขึ้นตามราคาสินค้าสำคัญโดยเฉพาะกลุ่มผักสด (ผักบุ้ง แตงกวา พริกสด ใบกะเพรา ถั่วฝักยาว) กลุ่มอาหารสำเร็จรูป (ข้าวราดแกง กับข้าวสำเร็จรูป) กลุ่มเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ (ปลานิล ปลาทู ไก่สด) กลุ่มเครื่องประกอบอาหาร (น้ำมันพืช ซีอิ๊ว กะทิสำเร็จรูป) กลุ่มผลไม้สด (ฝรั่ง แก้วมังกร มะพร้าวอ่อน) อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าอีกหลายรายการที่ราคาปรับลดลง อาทิ หัวหอมแดง
ผักชี ข้าวสารเจ้า และข้าวสารเหนียว และหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 0.06 (MoM) ตามการสูงขึ้นของค่ากระแสไฟฟ้า ค่าเช่าบ้าน และของใช้ส่วนบุคคล (สบู่ถูตัว ครีมนวดผม น้ำหอม) สำหรับสินค้าที่ราคาปรับลดลง อาทิ แก๊สโซฮอลล์ น้ำมันเบนซิน และสิ่งที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด (ผลิตภัณฑ์ซักผ้า น้ำยารีดผ้า น้ำยาล้างห้องน้ำ) รวมถึงค่าโดยสารสาธารณะ อาทิ ค่าโดยสารรถประจำทาง และค่าโดยสารรถไฟลอยฟ้าและใต้ดินจากมาตรการรถไฟฟ้า รถเมล์ฟรี
สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนกุมภาพันธ์ 2568 คาดว่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงกับเดือนมกราคม 2568 โดยมีปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ประกอบด้วย (1) ราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศที่กำหนดเพดานไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน (2) การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะค่าโดยสารเครื่องบิน และ (3) ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดยังอยู่ในระดับสูง เนื่องจากปริมาณผลผลิตยังไม่เข้าสู่ระดับปกติ หลังจากได้รับผลกระทบของภัยแล้งอย่างยาวนาน โดยเฉพาะพืชสวน เช่น มะพร้าว อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ประกอบด้วย (1) ภาครัฐมีแนวโน้ม ดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนและการตรึงราคาก๊าซ LPG (2) ฐานราคาผักสดในปีก่อนหน้าอยู่ในระดับสูง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ขณะที่ในปี 2568 สภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ระบบมากขึ้น และ (3) การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2568 อยู่ระหว่างร้อยละ 0.3 – 1.3 (ค่ากลางร้อยละ 0.8) ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง
ทางด้านการขึ้นกำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกา ภายใต้การนำของประธานาธิบดี นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลต่อเงินเฟ้อของไทยหรือไม่นั้น นายพูนพงษ์ กล่าวว่า ทาง สนค.กำลังติดตามอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดมีการขยายเวลาการขึ้นกำแพงภาษีกับเม็กซิโกและแคนาดา ออกไปอีก 30 วันซึ่งถ้าจะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อของไทย จะมีเพียงเรื่องของน้ำมันแต่ขณะนี้ยังไม่มีอะไร ส่วนสินค้าอื่นยังไม่พบความเคลื่อนไหว.-513-สำนักข่าวไทย