บขส.ตรวจเข้มรองรับประชาชนเดินทางช่วงหยุดยาว 12-14 ต.ค.นี้

กรุงเทพ 7 ต.ค. – บขส.ตรวจเข้มรถโดยสารบริษัท – รถร่วมฯ ก่อนออกให้บริการ เพิ่มความปลอดภัย เตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกประชาชนเดินทางหยุดยาว 12-14 ต.ค.นี้ คาดกลับต่างจังหวัดวันละ 8-9 หมื่นคน นั่งรถโดยสารกว่า 7 พันเที่ยวต่อวัน


นายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการฯ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า บขส.เตรียมพร้อมด้านความปลอดภัยของรถโดยสารและอำนวยความสะดวกรองรับการเดินทางช่วงวันหยุด วันนวมินทรมหาราช ซึ่งเป็นวันหยุดยาวต่อเนื่อง 3 วัน วันที่ 12 – 14 ต.ค.2567 คาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางกลับต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก โดย บขส.คาดการณ์จะมีผู้โดยสารเดินทางทั้งเที่ยวไป-เที่ยวกลับ เฉลี่ยวันละ 80,000 – 90,000 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส., รถร่วม, รถตู้) เฉลี่ยวันละ 6,000 – 7,000 เที่ยววิ่ง

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กองซ่อมบำรุง, กองกิจการเดินรถ, งานส่งเสริมกิจการขนส่ง และงานป้องกันอุบัติเหตุ กองคุ้มครองผู้โดยสาร นำเจ้าหน้าที่และพนักงาน เข้าตรวจสภาพ รถโดยสาร บขส. และ รถร่วมฯ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของผู้โดยสารที่มาใช้บริการ และเตรียมรถโดยสารให้พร้อมก่อนออกบริการประชาชน เพื่อความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจในการเดินทางดังนี้


1.วันที่ 7 ต.ค.2567 ออกตรวจรถโดยสาร บขส. และ รถร่วมฯ ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2
2.วันที่ 10 ต.ค.2567 ออกตรวจรถโดยสาร บขส. และ รถร่วมฯ ที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร
บรมราชชนนี (สายใต้ใหม่)
3.วันที่ 11 ต.ค.2567 ออกตรวจรถโดยสาร บขส. และ รถร่วมฯ สถานีขนส่งหมอชิต 2

นายอรรถวิท กล่าวต่อว่า สำหรับการตรวจสภาพรถโดยสาร จะเน้นการตรวจอุปกรณ์ส่วนควบและอุปกรณ์ความปลอดภัยภายในรถโดยสาร เช่น ยางรถ, เข็มขัดนิรภัย, ถังดับเพลิง, ค้อนทุบกระจก และทางออกประตูฉุกเฉิน เพื่อให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน หากมีเหตุฉุกเฉินสามารถนำมาใช้งานได้ทันที ขณะเดียวกันหากพบรถโดยสารที่บกพร่อง อุปกรณ์ส่วนควบไม่เป็นไปตามมาตรฐานเงื่อนไขการเดินรถจะแจ้งให้รถโดยสารคันดังกล่าว นำไปแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนนำมาให้บริการผู้โดยสารต่อไป

นอกจากนี้ยังได้แจกคู่มือแผ่นพับให้พนักงานขับขับรถ และพนักงานบริการประจำรถ (บริกร) เกี่ยวกับเรื่องความรู้ ป้องกัน ลดเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน ป้องกันเชิงรุก บรรเทาทุกข์เมื่อเกิดภัย ซึ่งจะมีขั้นตอนวิธีการใช้ถังดับเพลิง, การใช้ค้อนทุบกระจกและทางออกฉุกเฉิน รวมทั้งกำชับให้พนักงานบริการประจำรถ ประชาสัมพันธ์แนะนำผู้โดยสารให้ทราบข้อมูลด้านความปลอดภัยขณะใช้บริการรถโดยสารอีกด้วย.-513-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”