บขส.เร่งแผนพัฒนาธุรกิจรุกตลาดขนส่งพัสดุภัณฑ์

กรุงเทพ 24 มิ.ย. – บขส. เร่งแผนพัฒนาธุรกิจระยะสั้น 6 โครงการ “รุกตลาดขนส่งพัสดุภัณฑ์ ผุดทำแอปฯ ขายตั๋วกับรถร่วมเอกชน” พร้อมจัดหารถโดยสารใหม่ ตั้งเป้าทยอยนำมาให้บริการปลายปี 67 ยกระดับบริการสาธารณะ-เพิ่มรายได้องค์กร


นายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการฯ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า บขส. เร่งรัดดำเนินแผนพัฒนาธุรกิจ เพื่ออำนวยความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยในการใช้บริการของ บขส. ให้กับประชาชน และสร้างรายได้ให้กับองค์กรนั้น โดยบริษัทฯ มีแนวทางดำเนินการแผนระยะสั้น ในปี 2567 และ ระยะยาว ปี 2568-2570 เพื่อให้เกิดการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง และเกิดผลเป็นรูปธรรมไว้เรียบร้อยแล้ว

สำหรับแผนพัฒนาธุรกิจ ระยะสั้น ในปี 2567 ปัจจุบันได้ดำเนินไป 6 โครงการ มีความคืบหน้าดังนี้ 1.โครงการขนส่งสินค้า และพัสดุภัณฑ์ แบบ Hub to Door ร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) อยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางการดำเนินงาน การกำหนดอัตราค่าบริการ และขั้นตอนการดำเนินงาน 2.โครงการจัดหารถโดยสารเช่าใหม่ คาดว่าจะได้นำรถมาให้บริการประชาชนในช่วงปลายปี 2567 เป็นต้นไป เพื่อรองรับความต้องการในการใช้บริการของประชาชนรวมทั้งระบบมาตรฐานความปลอดภัย


3.โครงการพัฒนาแอปพลิเคชันจำหน่ายตั๋วรถโดยสารของ บขส. และผู้ประกอบการรถร่วมเอกชน อยู่ระหว่างการศึกษารวบรวมความต้องการขั้นตอนการใช้บริการของผู้โดยสาร เพื่อจัดทำแนวทางพัฒนาแอปพลิเคชัน 4.โครงการ บขส. เที่ยวทั่วไทย มู Amazing ซึ่ง บขส. ได้จัดทำกิจกรรมแบบเช้า-เย็นกลับ (วันเดย์ทริป) เส้นทางจันทบุรี เขาคิชฌกูฏ, กิจกรรมแบบค้างคืน เส้นทางบึงกาฬ และให้บริการรถโดยสารไม่ประจำทาง ให้บริการเช่าเหมา เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับองค์กร และจะมีการขยายในเส้นทางอื่นๆ ต่อไป 5.โครงการศึกษาอัตราการจัดเก็บค่าใช้สถานีขนส่งผู้โดยสาร (สถานีต้นทาง) อยู่ระหว่างกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) พิจารณากำหนดอัตราค่าบริการใหม่ ก่อนออกร่างราชกิจจานุเบกษา เพื่อประกาศและบังคับใช้ต่อไป 6.โครงการเดินรถระหว่างประเทศส่งเสริมการท่องเที่ยวทุกมิติโดยความร่วมมือระหว่างประเทศ ร่วมกับ สปป.ลาว เวียดนาม เมียนมา กัมพูชา มาเลเซีย อยู่ระหว่างดำเนินการสำรวจเส้นทางและทำข้อตกลง

อย่างไรก็ตาม บขส. พร้อมเร่งรัดดำเนินการแผนพัฒนาธุรกิจขององค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประสบความสำเร็จในทุกโครงการ เกิดการยกระดับบริการระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวก ปลอดภัย ประชาชนเกิดความประทับใจในการเดินทาง เชื่อมั่นในการใช้บริการ ส่งผลดีกับรายได้ และภาพลักษณ์ขององค์กรต่อไป.-513-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”