“มาริษ” รมว.ต่างประเทศ โชว์วิสัยทัศน์นโยบายต่างประเทศ

กทม. 19 ก.ย.-“มาริษ” รมว.ต่างประเทศ โชว์วิสัยทัศน์นโยบายต่างประเทศ สานต่อ “การทูตเพื่อประชาชน” และ “การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก” จับมือเพื่อนบ้านแก้ปัญหาน้ำท่วม-pm2.5-คอลเซ็นเตอร์-อาชญากรรมข้ามชาติ-ยาเสพติด พร้อมยกระดับซอฟต์พาวเวอร์ ให้จับต้องได้ เล็งเปิดวีซ่าระยะยาว-วีซ่าร่วมในอาเซียนดึงดูดเศรษฐกิจ-นักท่องเที่ยว ย้ำไม่นิ่งนอนใจการช่วยเหลือตัวประกันไทยในกาซา

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แสดงวิสัยทัศน์ในนโยบายด้านการต่างประเทศ ในโอกาสพบสื่อมวลชน หลังเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยย้ำว่า นโยบายการต่างประเทศ จะยังคงมีความต่อเนื่อง และชัดเจน แต่มากกว่านั้น จะเป็นสิ่งที่ยิ่งจะจับต้องได้ โดยเฉพาะในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้าของรัฐบาล จะเป็นการสานต่อ และเติมเต็มสิ่งที่ทำอยู่เดิมจากรัฐบาลชุดที่แล้ว และให้ความสำคัญกับ “การทูตเพื่อประชาชน” และ “การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก”
โดย จะมีการแก้ไขปัญหาข้ามพรมแดนต่าง ๆ ปัญหายาเสพติด การบริหารจัดการน้ำ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฝุ่น PM2.5 และอาชญากรรมข้ามชาติที่กระทบต่อความอยู่ดีกินดี และคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งปัญหาดังกล่าว ไม่ใช่ปัญหาของประเทศใดประเทศหนึ่ง จะต้องร่วมมือกันแก้ไข ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ มีบทบาทสำคัญ และหมดสมัยที่กระทรวงฯ จะทำงานจากส่วนกลางอย่างเดียวแล้ว โดยตนได้ลงพื้นที่เห็นสภาพปัญหา และ รับฟังความคิดเห็นจาก สส.ทำให้ได้รับรู้ความต้องการจากชุมชนผู้ได้รับผลกระทบจริง


ส่วนการบริหารจัดการแม่นำโขงนั้น นายมาริษ กล่าววงว่า กระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือกับต่างๆ ในกรอบประเทศลุ่มน้ำโขง ทุกๆกรอบ ในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ร่วมทั้งหารือในระดับทวิภาคีกับจีน สปป.ลาว และเมียนมา เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งโขง ได้รับผลกระทบจากน้ำโขงที่เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนเสียหาย โดยจะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อบรรเทาทุกข์ของประชาชนประเทศ ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์น้ำท่วม และจะประสานงานกัน เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่านอกจากนั้น จะมีการเพิ่มการตรวจลงตราประเภทใหม่ เป็นการออกวีซ่าระยะยาว(Destination Thailand Visa) หรือ DTV ที่ได้ทำไปแล้ว และจะทำต่อไป เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติพำนักในประเทศไทย หรือทำงานในประเทศไทยได้นานขึ้นถึง 180 วัน และต่ออายุได้อีก 180 วัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ รวมถึงการเร่งเจรจากับ 5 ประเทศอาเซียน ทั้ง กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม และมาเลเซีย เพื่อให้มีวีซ่าท่องเที่ยวร่วมกันกับไทย เมื่อนักท่องเที่ยว ได้รับวีซ่าจากลาวแล้ว ก็สามารถมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยต่อได้ คล้าย Schengen Visa ของยุโรป ซึ่งจากการ พูดคุยกับทั้ง 6 ประเทศต่างตอบรับแต่ยังมีในรายละเอียดที่จะต้องพูดคุยเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมี ประเทศบรูไน ที่จะคุยเพิ่มเติมหลังจากนี้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้น ให้ นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาท่องเที่ยวมากขึ้น แล้วจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะพยายามผลักดัน


นายมาริษ ยังยืนยันว่า กระทรวงการต่างประเทศ จะยกระดับนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ให้จับต้องได้มากขึ้น และเชื่อมท้องถิ่นไทยสู่สากล โดยใช้กลไกสถานทูตไทยทั้ง 93 แห่ง เพื่อเกิดประตูสู่การเจรจาการค้าต่อไปในอนาคต พร้อมมั่นใจว่า Thai Festival ที่จัดเป็นประจำทุกปี และจะเป็นช่องทางกระจายสินค้าไทยได้อย่างดี โดยยืนยันกระทรวงการต่างประเทศจะผลักดันอย่างเต็มที่

นายมาริษ ยังย้ำบทบาทนโยบายการต่างประเทศของไทย ตามที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายของรัฐบาลอย่างชัดเจนว่า จะมุ่งทำงานร่วมกับนานาประเทศ เพื่อส่งเสริมสันติภาพหรือความมั่นคงที่ต้องมาพร้อมกับ ความมั่งคั่งร่วมกัน และไทยจะต้องมีบทบาทเชิงรุกมากขึ้น ทั้งการส่งเสริมให้เกิดสันติภาพในเมียนมา และสร้างรายได้เลยผลักดัน ให้เศรษฐกิจเติบโตมากขึ้น รวมทั้งการร่วมพัฒนาพื้นที่สองฝั่งไทย-มาเลเซียเพื่อให้คนทั้งสองฝั่ง มีกิน มีใช้ ร่วมสร้างความสงบสุขตามแนวชายแดน พร้อมยืนยันว่า การทูตไทยจากนี้ ต้องจับต้องได้ กินได้ และมั่นใจว่า คนไทย จะได้ประโยชน์ ทั้งเม็ดเงินที่จะหลั่งไหลเข้ามาในประเทศมากขึ้น คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ความปลอดภัย และความมั่นคง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของความมั่งคั่ง โดยกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมที่จะสานต่อ และเป็นกระทรวงด่านหน้า ทำงานเชิงรุก เพื่อผลักดันนโยบายของรัฐบาล และทำงานร่วมกับทุก ๆ ฝ่ายต่อไป

นายมาริษ ยังยืนยันว่า กระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพร้อมผลักดันการช่วยเหลือตัวประกันชาวไทยในอิสราเอลที่เหลืออยู่ กลับสู่มาตุภูมิ ซึ่งกระทรวงฯ ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด และประสานกับทางการอิสราเอล และประเทศอื่น ๆ ที่มีบทบาทสำคัญอย่างต่อเนื่อง ทั้งกาตาร์ อียิปต์ หรืออิหร่าน ซึ่งเป็นนโยบายที่เราเป็นมิตรกับทุกประเทศ ไม่เป็นศัตรูกับใคร ซึ่งตรงนี้ทำให้ เราสามารถเจรจาได้กับทุกประเทศ จึงทำให้เราได้รับการช่วยเหลือ ตัวประกัน 23 คนเป็นประเทศแรก จะได้รับความช่วยเหลืออะไรก็ตาม และยืนยันกระทรวงการต่างประเทศซึ่งมีเจ้าหน้าที่อยู่ทั่วโลก พร้อมดูแลคนไทยในต่างแดน รวมทั้งแรงงานไทย ซึ่งสามารถอยู่ในต่างประเทศ ได้อย่างมีศักดิ์ศรี เรา มี hotline ของทุกสถานทูต.-312.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ชายวัย 50 ไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องเมียท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากตึก สตง.

ชายวัย 50 ปี ยกมือไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องภรรยาท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากอาคาร สตง.ถล่ม ด้านรอง ผบช.น. เตือนอย่าใช้โอกาสที่มีผู้ประสบเหตุสร้างความสงสารหลอกเอาทรัพย์สิน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่ม พบไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น

ผลตรวจตัวอย่างเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว พบได้มาตรฐาน 15 ชิ้น ไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น ยังไม่สรุปเป็นสาเหตุตึกถล่ม ชี้ต้องดูหลายองค์ประกอบ

ข่าวแนะนำ

เริ่มใช้เครื่องจักรหนักเปิดซากอาคาร สตง.ถล่ม

102 ชั่วโมงแล้ว สำหรับปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุอาคาร สตง.ถล่ม หน่วยกู้ภัยจากนานาชาติให้ความหวังว่ายังมีโอกาสเจอผู้รอดชีวิต ทำให้การค้นหาวันนี้ต้องแข่งกับเวลาอย่างเต็มที่

ทองไทยนิวไฮต่อเนื่อง ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 550 บาท

ทองคำไทยผันผวนหนัก ปรับเปลี่ยน 18 ครั้ง ก่อนปิดตลาดปรับเพิ่ม 550 บาท ระหว่างวันขึ้นไปแตะนิวไฮ ทองคำแท่งขายออก 50,700 บาท ทองรูปพรรณขายออก 51,500 บาท ขึ้นไปต่อเนื่อง