รมว.ต่างประเทศ เผยไทย-กัมพูชา สัมพันธ์ดีทุกระดับ

กัมพูชา 9 มี.ค.- “มาริษ” รมว.ต่างประเทศ เผยไทย-กัมพูชา สัมพันธ์ดีทุกระดับ พร้อมหารือร่วมแก้ปัญหาลุ่มน้ำโขง ฝุ่น PM 2.5 เตรียมป้องกันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ย้ายฐานซุกกัมพูชา และเพื่อนบ้านไทย พร้อมตอบปมสร้างกำแพงกั้น เป็นแค่แนวคิดเจ้าหน้าที่ ไม่ถึงขั้นข้อสั่งการนายกฯ ต้องรับฟังผลดี ผลเสีย ผลกระทบประชาชน 2 ฝั่ง

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการเดินทางมาเยือนกัมพูชาระหว่างวันที่ 7-9 มี.ค. ว่าการเดินทางมาที่กัมพูชาครั้งนี้ เนื่องจากและนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา เชิญตนมาเป็นประธานร่วมในการเปิดการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตร สนับสนุนโดยสถาบันโพธิคยาวิชาลัย 980 เป็นการแข่งขันของภาคประชาชน เพื่อสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้น โดยนำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเข้าไปในการแข่งกีฬา


แต่ภาพรวมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยและกัมพูชา ถือว่าดีมากทั้งในส่วนของผู้นำทุกระดับ รวมถึงตน และนายปรัก สุคน แม้กระทั่งรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาในหลากหลายมิติมีความใกล้ชิดกันอยู่แล้ว การเดินทางมาที่กัมพูชาในครั้งนี้ เพื่อทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐกับรัฐซึ่งดีมากอยู่แล้ว ได้ถ่ายทอดไปสู่สังคมทุกระดับ ทั้งนักธุรกิจ ประชาชน เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีความใกล้ชิดกันมากขึ้น

“ความร่วมมือทั้งหลายของรัฐต่อรัฐ ในท้ายที่สุดแล้วก็จะได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน ภาคประชาชน ที่จะทำให้นโยบายที่ดี ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างรัฐต่อรัฐสามารถถ่ายทอดลงไปได้อย่างทั่วถึง และทำให้ความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศมีความยั่งยืน นั่นคือสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาลุ่มแม่น้ำโขง หรือการเจรจาความร่วมมือในการแก้ไขป้องกันฝุ่น PM 2.5 ความร่วมมือในการแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง ซึ่งก็มีการพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลา รวมถึงท่านนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร กับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา สมเด็จฮุนมาเนต ซึ่งมีการพูดคุยหารือกันอยู่ตลอดเวลา นี่แสดงให้เห็นว่าทุกๆ มิติ ความสัมพันธ์ไทยกับกัมพูชาเป็นไปด้วยดี และค่อนข้างยั่งยืน เพราะว่ามีอะไรก็สามารถพูดคุยกันได้” นายมาริษ กล่าว


เมื่อถามถึงการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ร่วมกัน นายมาริษ กล่าวว่า เราพยายามมองเรื่องของเส้นแดนไทยกับเมียนมายังไม่สำเร็จเต็มที่ 100% ยังต้องแก้ไขปัญหาต่อในเรื่องของการเอาคนที่เป็นเหยื่อสแกมเมอร์กลับประเทศให้ได้มากที่สุด ส่วนปัญหานี้ในฟากของกัมพูชานั้น ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศก็ได้พูดคุยกับนายปรัก สุคน และในส่วนของทหารก็มีความร่วมมือกัน ซึ่งขณะนี้เราพยายามจะควบคุมสถานการณ์เพื่อไม่ให้การปราบปรามที่เมียนมาแล้ว ขยายตัวมาที่กัมพูชา ซึ่งสัญญาณว่าจะมาหรือไม่นั้นมันมีอยู่แล้ว ส่วนมากหรือน้อยเราก็จับตาอยู่ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตามอย่างที่ทราบกันดีว่าไม่ใช่แค่ประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น แต่กลุ่มนี้มีอิทธิพลมาจากประเทศอื่นด้วย เราจึงต้องมีความร่วมมือกันทุกๆ ฝ่าย ซึ่งรัฐบาลไทยให้ความสำคัญอยู่แล้ว และขอเรียนว่าเป็นความตั้งใจของรัฐบาลนายกฯ แพทองธาร ที่เราต้องการแก้ไขปัญหาให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด

“ตอนนี้เรามอนิเตอร์อยู่ตลอด ถ้ามีสัญญาณเราก็จะต้องมีความร่วมมือกันอย่างเข้มข้นมากขึ้น ขณะนี้เราคุยกันไว้แล้วว่าจะทำอย่างไรหากมีการย้ายฐานของการกระทำผิดกฎหมายไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งไม่ใช่แค่กัมพูชาเท่านั้น กับลาวก็ได้มีการพูดคุยกัน นี่ก็เป็นนโยบายของนายกฯ แพทองธารเหมือน เมื่อไหร่มีสัญญาณมาเราก็เริ่มเลย แต่ไม่ใช่ว่าตอนนี้ไม่ทำอะไร เราก็ทำอยู่” นายมาริษ กล่าว


เมื่อถามถึงกรณี นายกฯ สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหม หารือกับฝ่ายกัมพูชา ร่วมกันศึกษาแนวคิดสร้างกำแพงกั้นชายแดนไทย-กัมพูชา หวังช่วยปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การลักลอบข้ามแดนหรือลักลอบขนสินค้า มีการหารือกันหรือไม่ นายมาริษ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าเรื่องนี้ เป็นความคิดของหน่วยงานในพื้นที่ ซึ่งไม่ใช่ว่านายกฯ จะสั่งการทุกสิ่ง แต่เป็นเรื่องการคิด เพราะฉะนั้น ต้องมีการพูดคุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียก่อน เมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง ซึ่งไม่ใช่แค่หน่วยงานของไทยเท่านั้น แต่เรายังต้องคุยกับกัมพูชาด้วย แต่ ณ ขณะนี้ ตนคิดว่ามันยังเป็นแค่ความคิดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเรา เพราะฉะนั้น จึงยังไม่จำเป็นที่จะต้องยกขึ้นมาคุยกับเขา เพราะว่า มันยังเป็นแนวความคิดของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องปรึกษาหารือกันต่อไปว่า มีปัจจัยต่างๆ อะไรเข้ามาเกี่ยวข้องอีก จะกระทบกับการใช้ชีวิตของประชาชนหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องสำคัญ รวมถึงเรื่องงบประมาณมีความคุ้มหรือไมา เพราะฉะนั้นจึงยังไม่ใช่ข้อสั่งการ ไม่ใช่เป็นแนวทางที่จะทำกัน แต่ตอนนี้อยู่ในการรับฟังดูว่า แต่ละคนมีความเห็นกันอย่างไร แล้วเรื่องนี้ตนก็ยังไม่ได้มีการรับฟังอะไรจากทางกัมพูชา

“มันเป็นความพยายามแก้ไขปัญหาเท่าที่จะสามารถทำได้ อยู่บนพื้นฐานว่าจะสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน รวมทั้งต้องฟังข้อดี ข้อเสียที่จะเกิดขึ้น จึงให้พื้นที่คิดกันว่าอย่างไรเหมาะสมสำหรับทุกฝ่าย มันต้องคุยกัน” นายมาริษ กล่าว.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]

“พิเชษฐ์” ชิงปิดประชุมสภาฯ หลังถกวุ่นเสนอนับองค์ประชุม

รัฐสภา 17 ก.ค.- “พิเชษฐ์” ทำแฮตทริก ชิงปิดประชุมสภาฯ หลัง “สส.ปชน.” เสนอนับองค์ประชุม ขณะที่ สส.เพื่อไทย ขอให้นับแบบขานชื่อ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ขณะรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 66 และรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินประจำปีงบประมาณ 2566 ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีผู้อภิปรายไปเพียงคนเดียวคือนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน ทำให้นายเฉลิมพงศ์ แสงดี สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายว่า เห็นสมาชิกในห้องประชุมบางตาอยากจะเช็คความตั้งใจการทำงานของสส.ฝ่ายรัฐบาล จึงขอนับองค์ประชุม และมีผู้รับรองถูกต้องจากนั้นนายพิเชษฐ์ กดออดเรียกสมาชิกพร้อมกล่าวว่า “ไม่อยากอภิปรายแล้วหรือ” พร้อมทั้งขอให้วิปรัฐบาลแจ้งสส.ที่อยู่ในห้องประชุมอื่นเพื่อรีบเข้าห้องประชุมใหญ่ ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การขอนับองค์ประชุมและมีผู้รับรอง ถือเป็นสิ่งสวยงาม แต่หากมีคนเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ คงใช้เวลาถึงค่ำ ดังนั้น ขอร้องเพื่อนสมาชิก เดือนนี้ขออย่านับองค์ประชุมเลย แล้วไปนับองค์ประชุมเดือนหน้า […]

เจ้าหน้าที่เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบเส้นเงิน

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยัน ไม่ใช่การบุกค้นกุฏิพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]