“อ.เฉลิมชัย” ชี้รูปปั้น “Angel” เป็นแพะรับบาป

18 ก.ย. – ดราม่ารูปปั้น Angel of Maesai หน้าด่านชายแดนไทย-เมียนมา ถูกวิจารณ์เป็นต้นเหตุทำให้น้ำท่วม อ.แม่สาย หนักสุดในรอบ 100 ปี ด้าน “อ.เฉลิมชัย” วอนอย่าโยนบาปให้งานศิลปะ พร้อมเคลื่อนย้ายไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงรายแล้ว


จากกรณีดราม่ารูปปั้น “Angel of Maesai” บริเวณด่านพรมแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่โลกโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นต้นเหตุทำให้เกิดน้ำท่วม อ.แม่สาย หนักที่สุดในรอบ 100 ปี เนื่องจากเป็นประติมากรรมที่ผิดหลักฮวงจุ้ย มีแค่เพียงส่วนศีรษะ ลักษณะคล้ายหญิงสาวหัวขาด ส่วนน้ำที่ไหลบ่าท่วมอย่างหนักเปรียบเสมือนเลือดของหญิงสาว ล่าสุด อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ แจ้งให้อาจารย์สุวิทย์ และอาจารย์ไกรวุฒิ ดอนจักร ศิลปินเจ้าของผลงาน เคลื่อนย้ายประติมากรรม Angel of Maesai ไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย หรือ CCAM แล้ว

อ.เฉลิมชัย ระบุว่า เมื่อประติมากรรม Angel of Maesai กลายเป็นแพะรับบาป จึงขอนำกลับคืน ซึ่งศิลปินผู้ออกแบบจะทำการซ่อมแซมใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ จากนั้นจะนำออกจัดแสดง ณ ลานประติมากรรมด้านหน้า CCAM ต่อไป โดยประชาชน นักท่องเที่ยว และผู้ชื่นชอบในศิลปะ ขอเชิญชวนไปชมได้


ฝนถล่มทั้งคืนทำน้ำป่าทะลักท่วมเมืองลำปาง
ส่วนที่ จ.ลำปาง ฝนที่ตกหนักตลอดทั้งคืน ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงมาตามเขาสูง ทะลักลงคลองส่งน้ำ จนเกิดน้ำท่วมฉับพลันในเขตเมือง

นอกจากนีน้ำป่ายังไหลทะลักเข้าท่วมถนนสายลำปาง-เมืองปาน กิโลเมตรที่ 2-3 (สายท่าล้อ-ห้วยเป้งเดิม) บ้านฮ่องกอก ต.บ่อแฮ้ว อ.เมืองลำปาง ทำให้การสัญจรเส้นทางดังกล่าวต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากกระแสน้ำไหลแรงและทะลักท่วมถนนกว่า 4 กิโลเมตร เป็นระยะนับสิบจุด ขณะเกิดเหตุไม่มีการนำป้ายแจ้งเตือนแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นช่วงเช้ามืด และน้ำป่าไหลทะลักอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเส้นทางดังกล่าวไม่ทันระวัง โดยเฉพาะรถเล็ก รถจักรยานยนต์ ขับฝ่ากระแสน้ำจนเกิดอุบัติเหตุตกลงไปในร่องน้ำข้างถนน

ขณะเดียวกันน้ำที่เอ่อล้นจากลำห้วยยังท่วมถนนด้านหน้าโรงเรียนเขลางค์นคร ซอยชุมชนเขลางค์นคร ซอย 2 ถนนหลักสายลำปาง-ห้างฉัตร หรือถนนจามเทวี น้ำท่วมขังท่วมพื้นผิวการจราจรตั้งแต่สามแยกห้วยเป้ง ถนนขาเข้าเมืองลำปาง ทำให้รถสัญจรผ่านไปมาติดขัดอย่างหนัก


ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ชุมชนเขลางค์ นำเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำในห้องนอนออก เนื่องจากน้ำไหลเข้าบ้านอย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านบอกว่าอยู่มา 30 ปี ไม่เคยหนักอย่างนี้ และที่ผ่านมาเมื่อ 3 ปีก่อนเกิดเหตุน้ำท่วมแบบนี้เช่นกัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”