ไวรัสตับอักเสบ แต่ละชนิดมีอาการอย่างไร รุนแรงแค่ไหน และจะมีวิธีการป้องกันอย่างไร ?
🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ศ.นพ.ทวีศักดิ์ แทนวันดี เลขาธิการมูลนิธิตับแห่งประเทศไทย หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบทางเดินอาหาร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
“ไวรัสตับอักเสบ” คือ ไวรัสที่ชอบอยู่ในเซลล์ตับ เพราะเซลล์ตับเป็นสถานที่ไวรัสอยู่แล้วสามารถแบ่งเพิ่มปริมาณได้
ไวรัสตับอักเสบ A และ ไวรัสตับอักเสบ E มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ อาการที่ปรากฏดูได้จากภายนอกคือมีตัวเหลือง ตาเหลือง
แต่กรณีไม่มีตัวเหลือง ตาเหลือง ก็ผ่านระยะตับอักเสบไปโดยที่ไม่รู้ เพราะไม่ได้มาเจาะเลือดตรวจ แล้วก็หาย มีภูมิต้านทานไวรัสตับอักเสบ
ถ้าป่วยชนิดมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ผู้ป่วยจะมาพบแพทย์เพราะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปัสสาวะเข้ม ผะอืดผะอม คลื่นไส้ อาเจียน
ยิ่งถ้าเป็นไวรัสตับอักเสบ A จะมีไข้สูง น่ากลัวมาก เมื่อตัวเหลืองไข้เริ่มลด
ไวรัสตับอักเสบ A และ E ไม่พลาดแน่ ถ้ามีอาการผู้ป่วยจะรีบมาพบแพทย์
อาการ “ไวรัสตับอักเสบ B”
“ไวรัสตับอักเสบ B” ไม่มีอาการ
1. ถ้ามีคนในครอบครัว (โดยเฉพาะพี่น้องสายแม่) เป็นโรคตับแข็ง มะเร็งตับ หรือเป็นไวรัสตับอักเสบ B ควรได้รับการตรวจว่าเป็นไวรัสตับอักเสบ B ด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะคนที่เกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้เริ่มการฉีดวัคซีนกับทารกแรกเกิดทุกคน
2. ถ้ามีอาการตับอักเสบ ไปตรวจสุขภาพประจำปี มีตับทำงานไม่ปกติ อย่างน้อยต้องตรวจไวรัสตับอักเสบ B และ C ไว้ก่อน นั่นคือตัดออกไป 2 โรคก่อน ถ้าเป็นก็จะได้รับการรักษาทันที
อาการ “ไวรัสตับอักเสบ C”
ไวรัสตับอักเสบ C ติดโดยการสัมผัสเลือด
กรณีของไวรัสตับอักเสบ C ถ้ามีปัจจัยเสี่ยง เช่น
1. เคยได้รับเลือดก่อนปี พ.ศ. 2535 ไม่จำเป็นต้องเป็นเลือด อาจจะเป็นส่วนประกอบของเลือด เช่น เป็นไข้เลือดออกและได้รับเกล็ดเลือด หรือได้รับน้ำเลือดอะไรสารพัดอย่างที่ไม่เกี่ยวกับเลือด หรือนึกไม่ออก แต่เคยนอนโรงพยาบาลก่อน ปี พ.ศ 2535 จะต้องเช็กดูว่าเคยมีโอกาสได้รับเลือดหรือไม่
2. เคยใช้ยาเสพติด (ชนิดฉีดเข้าเส้น)
3. เคยสักผิวหนัง
อาการ “ไวรัสตับอักเสบ D”
มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปัสสาวะเข้ม ตัวเหลือง ตาเหลือง ผะอืดผะอม คลื่นไส้ อาเจียน
บังเอิญเป็นความโชคดีของประเทศไทย ไวรัสตับอักเสบ D มักพบในคนที่เคยเป็นไวรัสตับอักเสบ B เท่านั้น และคนที่เป็นไวรัสตับอักเสบ B และเป็นไวรัสตับอักเสบ D ด้วยมีน้อยมาก (เกือบไม่มีเลย)
ไวรัสตับอักเสบ ชนิดไหน อันตรายมาก ?
บอกยาก แต่แรงทุกตัว เพราะว่าขึ้นกับสถานการณ์ ระยะเวลา
ไวรัสตับอักเสบ A ถ้าติดในวัยอายุน้อย ๆ ไม่ค่อยมีอะไรเลย แต่ถ้าติดตอนอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป หรือในคนอายุมากและมีโรคตับร่วมด้วย อัตราตายอาจจะมากถึง 3-5 เปอร์เซ็นต์ ไม่เป็นเรื้อรังแต่เสียชีวิต
ไวรัสตับอักเสบ B ตับเป็นสมรภูมิรบของไวรัสตับอักเสบ B กับภูมิต้านทาน ผลที่ตามมาคือตับพัง เพราะภูมิต้านทานไปรบ
จะเห็นว่าไวรัสตับอักเสบ B ก็มีช่วงเวลาที่รุนแรง ตับวาย และเสียชีวิตได้ แต่ส่วนใหญ่ของไวรัสตับอักเสบ B จะค่อย ๆ กัดกร่อนตับไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็จะมีพังผืดในตับเพิ่มมากขึ้น
ไวรัสตับอักเสบ C ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ รู้โดยบังเอิญ เป็นภัยเงียบมาก
ไวรัสตับอักเสบ D มีการศึกษาวิจัย 1,000 คน (คนที่เคยเป็นไวรัสตับอักเสบ B มาแล้ว) อาจจะพบเป็นไวรัสตับอักเสบ D 1 คน
ไวรัสตับอักเสบ E มีทั้งรุนแรงและไม่รุนแรง ประเทศไทยมีการติดไวรัสตับอักเสบ E เหมือนกับญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ก็คือติดจากหมู อาการไม่มาก เช่น มีไข้บ้าง ไม่มีไข้บ้าง อ่อนเพลีย ตัวเหลือง ตาเหลือง อาการไม่ชัดเจน ดังนั้นคนที่ไปกินสุกี้ ชาบู ก็ไม่รู้ว่า วันร้ายคืนร้าย อาจจะติดไวรัสตับอักเสบ E มาก็ได้
ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน พม่า บังกลาเทศ อินเดีย เนปาล จะเป็นไวรัสตับอักเสบ E อีกสายพันธุ์หนึ่ง
สำหรับไวรัสตับอักเสบที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตมากที่สุดคือ B รองลงมา C และ A น้อย
สัมภาษณ์โดย พีรพล อนุตรโสตถิ์
เรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล
ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : ความรุนแรงและอาการไวรัสตับอักเสบ
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter