กรุงเทพฯ 14 ส.ค. – หุ้นไทยร่วงลงทันทีหลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีเมื่อเวลา 15.00 น. ร่วงลงประมาณ 15 จุด ลดลงอย่างต่อเนื่องจนลงมาระดับต่ำสุดที่ระดับ 1,282.62 จุด ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย ด้านค่าเงินบาทอ่อนค่า โดยช่วงบ่ายเคลื่อนไหวที่ 34.96 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงจากที่ช่วงเช้าแข็งค่าที่ 34.88 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
นายกวี ชูกิจเกษม ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พาย มองว่าผันผวนระยะสั้น โดยลดลงในวงจำกัด และคาดว่าเมื่อมี ครม.ใหม่ใน 1-2 เดือน ถ้ามาตรการเศรษฐกิจที่วางไว้จะเดินหน้าต่อไป ในขณะที่มาตรการตลาดทุนทั้งกองทุนวายุภักษ์และไทยอีเอสจีจะเดินหน้า สิ่งที่ตั้งคำถามคืองบฯ ดิจิทัลวอลเล็ตจะเดินหน้าต่อหรือไม่ ซึ่งหากไม่เดินหน้าต่อก็น่าจะเป็นเรื่องดีที่นำงบฯ ส่วนนี้มากระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นรูปแบบอื่นๆ โดยเฉพาะในไตรมาส 4/67 สรุปภาพรวมแล้วระยะยาวไม่กระทบต่อตลาดทุนมากนัก เพราะด้วยบริบทของเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังอยู่ในทิศทางฟื้นตัวอยู่แล้ว
บล.เอเซีย พลัส (ASPS) ระบุว่ากรณีนายกฯ ถูกถอดถอน รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 คือ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ทำหน้าที่รักษาการนายกฯ แทน ส่วน ครม. สามารถรักษาการต่อได้ จนกว่าจะมีนายกฯ คนใหม่ซึ่งจะจัดให้มีการโหวตเลือกในสภาผู้แทนราษฎร์ภายใน 45-60 วัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าช่วงเวลาที่จะเกิดสุญญากาศทางการเมือง ก็น่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุดัชนี SET Index มีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับที่ 1,250 จุด ท่ามกลางควางกังวลเสถียรภาพของการเมืองไทย และมาตรการทางเศรษฐกิจของภาครัฐที่มีแนวโน้มสะดุดลง โดยเฉพาะโครงการ Digital Wallet จากนั้นจะรอติดตามการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่อาจใช้เวลาประมาณ 1 เดือน และนโยบายของรัฐบาลใหม่ในขั้วเดิมก่อนเลือกทางอีกครั้ง
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย กล่าวว่า หุ้นไทยร่วง ตอบรับศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรีหลุดจากตำแหน่งพร้อมคณะรัฐมนตรีทั้งชุด ตามกระบวนการหลังจากนี้ต้องเลือกนายกคนใหม่ พร้อมกับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ทั้งหมด ซึ่งระยะสั้นจะสร้างแรงกดดันต่างๆ ต่อนโยบายรัฐบาล เช่น Digital Wallet ซึ่งกระทบกับกลุ่มค้าปลีก (BJC, CRC, CPALL, DOHOME, HMPRO) และกองทุนวายุภักษ์ อย่างไรก็ตาม เรายังมองบวกกับดัชนีและมองการปรับฐานเป็นโอกาสสะสม บนสมมติฐานทุกอย่างจะค่อยๆคลี่คลาย ให้แนวรับที่ 1,270 จุด และแนวต้าน 1,290 จุด
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด รายงานว่า ผลคำวินิจฉัยเป็นลบต่อนายกฯ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงตัวนายกฯ และคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ ต้องเสียเวลาราว 2 เดือนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ที่มีอำนาจเต็มเข้ามาบริหารประเทศ อาจกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว และอาจกระทบต่อการจัดทำงบประมาณปี 2569 มีความล่าช้า นอกจากนี้ ยังมีความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐบาลใหม่ด้วยว่าจะสานต่อนโยบายของรัฐบาลเดิม หรือยกเลิก หรือปรับเปลี่ยนใหม่
SET Index มีโอกาสลงทดสอบบริเวณโลว์เดิมที่ 1,270-80 และเสี่ยงทำโลว์ใหม่ หุ้นที่คาดจะทนทานในสภาวะตลาดแบบนี้ คือ หุ้นกลุ่ม รพ. (ชอบ BDMS, BH), กลุ่ม ICT (ADVANC, INTUCH) และหุ้นที่เกี่ยวข้องสินค้าอุปโภค-บริโภค (NEO, SABINA) รวมทั้งหุ้นที่เชิงรับคุณภาพดีและหุ้นปันผล (BEM, DMT, EGCO, MAJOR, MC). –สำนักข่าวไทย