รัฐสภา 4 ก.ค.- “ชาดา” ตอบกระทู้ระบุการทบทวนหลักเกณฑ์ให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี – ถือครองคอนโด 75% อยู่ระหว่างการศึกษา ยัน ไม่ขายชาติ
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ (4 ก.ค.) มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณากระทู้ถามสด ที่นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้สดถามนายกรัฐมนตรี
นายศุภณัฐ ถามกระทู้เกี่ยวกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่เห็นชอบตามที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีเสนอขอให้กระทรวงมหาดไทย ทบทวนหลักเกณฑ์และกฎหมายให้สิทธิต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ห้องชุด จากเดิมไม่เกิน 49% เป็นไม่เกิน 75% เปิดกฎหมายทรัพย์อิงสิทธิเช่าได้ไม่เกิน 99 ปี เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจว่าเหตุใดจึงรีบร้อนจะแก้กฎหมายเร่งด่วนเช่นนี้ ในขณะที่ต่างชาติถือครองคอนโด 16% และเห็นว่าเมื่อชาวต่างชาติเข้ามาซื้อ หรือเช่าอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ จะทำให้บ้านมีราคาสูงขึ้น ยิ่งทำให้คนไทยไม่สามารถซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้ และชาวต่างชาติที่เข้ามาเช่า ก็มีสิทธิ์เช่นเดียวกับ เป็นเจ้าของที่ดิน 99 ปี โดยสามารถ ส่งเป็นมรดกตกทอดถึงลูกหลานได้ด้วย
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่า การกระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมาตอบกระทู้แทน ชี้แจงว่าตนไม่ได้อยู่ในวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติในเรื่องนี้ แต่เมื่อกลับมาก็ได้ศึกษาและได้รับนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้ไปศึกษาผลได้ผลเสีย ผลกระทบ ซึ่งกรณีทรัพย์อิงสิทธิ์ที่จะเป็น 99 ปี เป็นการจัดการของเจ้าของที่ที่ไม่อยากจะขาย เป็นการให้เข้าไปปรับปรุง ซึ่งกรณีกฎหมายนี้ตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องการเช่าเหมือนเกาะฮ่องกง และต้องยอมรับว่ากฎหมายที่จะให้ต่างชาติที่เป็นแหล่งเงินทุนเข้ามาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะตายตัวไม่ได้ ต้องมีการปรับปรุงและแก้ไข เพราะในภาวะเศรษฐกิจเป็นอย่างหนึ่ง เราก็อาจไม่ต้องการเงินทุนจากต่างชาติ แต่ในสภาพเศรษฐกิจอีกอย่างหนึ่งเราก็ต้องการเงินทุนจากต่างชาติ ปัญหาคือการที่ ราจะให้ต่างชาติมาลงทุนในประเทศไทย ก็ต้องดูว่าเป็นแหล่งเงินทุนของต่างชาติไม่ได้เข้ามาครอบครอง หรือยึดในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งขอเรียนว่าคนไทยก็กลัวกฎหมายแบบนี้ เกรงว่าคนต่างชาติมาครอบงำประเทศไทย แต่ในภาวะหนึ่งเราก็ต้องยอมรับว่าถ้าเราอยากกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ต้องปรับปรุงเรื่องข้อกฎหมาย แต่เรื่องนี้ในนายกรัฐมนตรีให้ศึกษาไม่ได้ให้ทำเลย และวันนี้กรมที่ดินก็กำลังดำเนินการเรื่องนี้อยู่ ทั้งนี้เรื่องให้ต่างชาติถือครองคอนโดมากกว่า 49% เคยมีมาแล้ว 5 ปีแล้วยกเลิกไป แต่อย่างไรก็ตามขอย้ำว่ายังไม่ได้มีการดำเนินการ
“เป็นการสั่งให้ไปดำเนินการศึกษายังไม่มีอะไรกระทรวงมหาดไทยกำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่ แต่ผลยังไม่ออกมา และต้องศึกษาในแง่ของเศรษฐกิจ ในแง่ของกฎหมายหลายอย่าง และผมยังคุยกับกรมที่ดินว่าต้องชัดเจน เพราะจะออกเป็นนโยบายหรือจะแก้กฎหมายต้องชัดเจนตอบได้ว่าเหตุผลอะไรดีอย่างไร จึงจะให้เพิ่มมา ถือครองได้ 75% ในภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ซึ่งต้องศึกษาถึงขั้นขนาดว่าเขาจะครอบครอง ประเภทไหนมากกว่า” นายชาดา กล่าว
นายชาดา ย้ำว่าขออย่ามองว่าจะแก้ไขกฎหมายช่วยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพราะการแก้ไขกฎหมายใดๆก็ต้องมีการศึกษาและเมื่อเสนอเข้ามาก็ต้องนำเข้าสู่สภา และอยากให้มองเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจกับต่างชาติได้ผลประโยชน์ ซึ่งเราคนไทยไม่อยากให้ใครมาครอบครองแผ่นดินของเราแน่นอน ในความเป็นคนไทยแต่ในบางเรื่อง ถ้าเป็นเรื่องของธุรกิจไม่ใช่กลุ่มใหญ่มากนัก ก็ต้องมาคิดกันดูและวิเคราะห์ ซึ่งตนก็ไม่ยอมให้ชาติไหนมาครอบครองประเทศไทย แล้วเดินกร่างไปทั่ว โดยที่คนไทยไม่มีสิทธิ์เข้าไป ซึ่งเป็นไปไม่ได้ แต่เราต้องมาศึกษาในแง่ของเศรษฐกิจว่าในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้เราจะทำอย่างไร และวันนี้โลกก็โลกาภิวัฒน์ การเคลื่อนที่ของกลุ่มทุนนั้นมาไวไปไว ทุกคนก็หาประโยชน์จากเงินทุนของต่างชาติเหมือนกัน และในเรื่องของเศรษฐกิจ ต้องทำ แต่ไม่ใช่ว่าเราจะยกที่ดินให้ใคร และตนก็คงไม่ยอม ใครก็คงสั่งตนไม่ได้ แต่ก็ต้องเอามาดู เพราะหลังจากที่นายกรัฐมนตรีบอกให้แก้กฎหมายก็มีหลายเรื่องอย่างเช่น เรื่องการแก้พ.ร.บ.จัดสรรที่ดิน ที่พรรคก้าวไกลเสนอมา ตนก็ยังให้มีการศึกษา ตรงนี้เป็นเรื่องของเศรษฐกิจว่าเราจะเล่นอย่างไร แต่ไม่ใช่เรื่องของการขายชาติเราคง ไม่ยอมแน่นอน แต่ต้องหาเหตุผลที่ดีว่าเหมาะสมหรือไม่กับเวลานี้และสมควรทำหรือไม่ ก็ต้องมาว่ากันอีกที และเชื่อว่าถ้าเป็นผลเสียมากกว่า หากเสนอกลับไปในคณะรัฐมนตรีก็คงไม่ฟื้นแต่ตอนนี้เป็นคำสั่งที่ว่าให้ไปแก้กฎหมายเหมือนไปศึกษาวิเคราะห์ดูว่าต้องทำอะไรอย่างไร
“ขอให้สบายใจได้และเรื่องนี้ต้องชี้แจงกับประชาชน นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้เป็นเจ้าของแผ่นดิน ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาบริหารบ้านเมือง แผ่นดินนี้เป็นของคนไทยทุกคน จะทำอะไรต้องถามประชาชนก่อน แต่แนวคิดคนที่เป็นนักบริหารก็ต้องมีแนวคิด มีไอเดียเป็นสิ่งที่ไม่ใช่นั่งอยู่เฉยๆไม่คิดอะไรเลยก็คงไม่ได้ ต้องให้ธุรกิจนำพาประเทศไปในทางที่ถูกที่ควรดังนั้นขอท่านไม่ต้องห่วงและขอให้แยกกัน และต้องมีวิธีคิดเรื่องเศรษฐกิจกับเรื่องของความมั่นคงของชาติและเรื่องของผลประโยชน์แผ่นดินไทยการดูแลประเทศมีหลากหลายมิติ”นายชาดา กล่าว
นายศุภณัฐ ยังถามต่อว่าหลังรัฐบาลเข้ามาทำงาน 3 เดือนนายกรัฐมนตรีให้ออกมาตรการ ช่วยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 7 มาตรการโดยบอกว่าจะทำให้ มียอดการขายคอนโดมหาศาลและจะมีการลงทุน ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น หลายแสนล้าน ถ้าดีจริงแล้วเหตุใดต้องมาปรับแก้กฎหมายให้สิทธิ์ต่างชาติเช่นนี้อีก พร้อมระบุการกระตุ้นเศรษฐกิจทำได้ แต่ต้องไม่ทำให้ประเทศเสียหายและไม่ต้องทำให้ประเทศได้รับความเสี่ยง และอยากทราบว่า 7 มาตรการที่รัฐบาลออกมานั้น ผ่านมา 1 ปีแล้ว คนไทยได้รับผลดีอย่างไร
นายชาดา ชี้แจงโดยยืนยันอีกครั้งว่าทั้งหมดอยู่ระหว่างการศึกษา และ 7 มาตรการในการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์รัฐบาลก็ดำเนินการอยู่ การแก้ไขปัญหาต่างๆคงไม่ ได้ทำเพียงแนวทางเดียว แต่ในการบริหารประเทศจะต้องมีโครงการต่างๆออกมา ไม่ใช่ “ร้องเพลงเดียวตลอด” ซึ่งเชื่อว่านายกรัฐมนตรี ก็ต้องคิดและหาทางหลังจากได้รับทราบปัญหาต่างๆก็พยายามหาแนวทางแก้ไข แต่การจะทำในเรื่องนี้ขอย้ำว่ากรมที่ดินก็ต้องทำอย่างละเอียด ชี้แจงกับประชาชนได้ โดยกฎหมายก่อนจะออกมาก็ต้องมีการทำประชาพิจารณ์และยังมีรายละเอียดอื่นๆทั้งเรื่องค่าธรรมเนียมต่างๆ ด้วย .-312 -สำนักข่าวไทย