รัฐสภา 27 มิ.ย.-“สุชัชวีร์” ยื่นเสนอร่าง พ.ร.บ. เพื่อความปลอดภัยสาธารณะ ชี้เป็นกฎหมายที่ทันสมัย เพื่อตั้ง คกก. ตรวจสอบ ถอดบทเรียน หาผู้รับผิดชอบจากอุบัติภัย นำไปสู่การเยียวยาอย่างเป็นธรรม
นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยตัวแทนประชาชนและนักวิชาการ รวมทั้งชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน หรือ สูญเสีย จากอุบัติภัย ยื่นเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับหนังสือ
นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ทุกวันนี้มีเหตุการณ์อาคารถล่ม โรงงานระเบิด การลักลอบขนย้ายกากสารพิษ แสดงว่า มีช่องโหว่ ช่องว่างทางกฎหมายซึ่งไม่สามารถดูแลความปลอดภัยของประชาชนได้ จึงได้มีการเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ซึ่งเป็นกฎหมายที่ทันสมัย เพื่อจัดตั้ง คณะกรรมการเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ ซึ่ง คณะกรรมการดังกล่าวจะเป็นเจ้าภาพในการรับเรื่องร้องเรียน ประเมิน ติดตาม หาข้อเท็จจริง รวมทั้งเสนอยุทธศาสตร์และนโยบายเพื่อความปลอดภัยสาธารณะให้เกิดขึ้นแก่ประเทศไทย ถือเป็นกฎหมายที่มีความทันสมัยมีอำนาจจำกัดเฉพาะเจาะจง ไม่ได้ก้าวล่วงอำนาจของฝ่ายบริหาร หรือฝ่ายตุลาการ แต่มีความชอบธรรมตามหลักวิชาการและเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดูแลความปลอดภัยสาธารณะ และเชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้จะรักษาชีวิตประชาชนนับล้านๆ คน ทั้งนี้ เชื่อว่าประชาชนรอกฎหมายฉบับนี้อยู่ ขอให้นายกรัฐมนตรี และประชาชนสนับสนุนให้กฎหมายฉบับนี้ออกไปโดยเร็ว เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของชีวิตประชาชนทุกคนต่อไป
นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า กฎหมายแบบนี้เกิดขึ้นทั่วโลกมาแล้ว เหลือแต่ประเทศไทย ซึ่งถ้าไม่มีกฎหมายนี้ดูแล หากเกิดเหตุต่างๆขึ้น ก็ต้องไปหาเจ้าภาพมารับผิดชอบกันเอง ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยเห็นถึงความชัดเจนนำไปสู่การหาผู้รับผิดชอบ เยียวยาผู้สูญเสียเลยแม้แต่น้อย เช่น เหตุที่สะพานลาดกระบังถล่ม 1 ปี ผ่านไป ก็ยังไม่เห็นความชัดเจนว่าสะพานถล่มด้วยเหตุใด ส่วนชาวบ้านเขตบางซื่อ ก็มีกากแคดเมียมไปอยู่ตรงนั้น แม้อยู่ใจกลาง กทม. ซึ่งอุบัติภัยเกิดขึ้นกับเราได้ทุกคน ดังนั้น กฎหมายฉบับนี้จะเป็นกฎหมายประวัติศาสตร์ที่จะมีเจ้าภาพ ที่ไม่มีการแทรกแซงทางการเมือง และมีอำนาจเฉพาะเจาะจงในการดูแลตรวจสอบ ประเมิน ถอดบทเรียน อย่างเป็นธรรม เพื่อหาผู้รับผิดชอบและหาผู้กระทำความผิดเพื่อให้เกิดความเข็ดหลาบและนำไปสู่ การเยียวยาผู้ที่สูญเสีย จึงอยากขอให้ประชาชนร่วมสนับสนุนกฎหมายฉบับนี้ โดยหลังจากนี้ สภาฯ จะเปิดช่องทางให้ประชาชนร่วมลงชื่อสนับสนุน เพื่อดำเนินการตามกระบวนการต่อไป.-315.-สำนักข่าวไทย