ปราจีนบุรี 6 พ.ค. – จากอาชีพเกษตรกรทำนาที่ต้องกู้หนี้ยืมสินเพราะราคาข้าวผันผวน ราคาปุ๋ยแพง สองสามีภรรยาตัดสินใจหันมาปลูกบวบหอมขายสลับกับการทำนา สร้างรายได้ดีกว่าทำนาอย่างเดียวหลายเท่า
ตั้งแต่ 5 ทุ่ม เที่ยงคืนไปจนถึงราว 11โมง นายวัชรินทร์ จะออกจากบ้านเดินไปที่ไร่บวบใกล้บ้านเพื่อจะรีบเก็บบวบหอมที่ปลูกไว้ที่หมู่ 9 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งมีรวมๆ เกือบ 20 ไร่ เพื่อให้ทันกับที่พ่อค้าคนกลางจะมารับตอนเที่ยงหรือบ่ายโมงเพราะต้องนำไปบรรจุถุงตามน้ำหนัก และยังเพื่อให้ทันกับการเจริญเติบโตของบวบ
นายวัชรินทร์ บอกว่า บวบโตเร็วจนเรียกว่าเป็นวินาที สมมติว่า เย็นนี้บวบมีขนาดยาว 4 นิ้ว แต่พอรุ่งขึ้นก็จะมีขนาดใหญ่เท่าตัวบวบจึงเป็นพืชที่โตไวโตเร็ว สามารถเก็บได้วันเว้นวัน ถ้าจะนับเวลาจากการนำเมล็ดพันธุ์ลงปลูก อีก 40-45 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว ยิ่งถ้าอากาศร้อนบวบจะยิ่งโตไวลูกใหญ่เพราะบวบเป็นพืชล้มลุกที่ชอบอากาศร้อน แต่ต้องไม่ขาดน้ำ ที่ไร่ของ วัชรินทร์ จึงใช้วิธีติดสปริงเกอร์ไว้ทั้งหมดเพื่อความสะดวกในการดูแลในส่วนของ ข้อเสียของบวบ ถ้าหากเว้นสองวันไม่เก็บบวบจะแก่ ใช้ไม่ได้ พ่อค้าคนกลางไม่รับซื้อ ด้วยเหตุผลนี้ 2 สามีภรรยา จึงต้องมาเก็บกันตั้งแต่ 5 ทุ่ม – เที่ยงคืน โดยในแต่ละวันสามารถเก็บบวบได้ 300 กิโลกรัม วันเว้นวัน ขายให้กับพ่อค้าที่มารับซื้อถึงบ้าน
จากการพูดคุยดูเหมือนว่า วัชรินทร์ จะมีความรู้เรื่องบวบ น้ำเต้า และฟักแฟง ซึ่งก็ได้คำตอบมาว่า วัชรินทร์ และวิมล ยึดอาชีพปลูกบวบคู่กับการทำนานมาเกือบ 30 ปี และไม่เคยเอาเปรียบคนซื้อไม่ใช้ยาฆ่าแมลงให้เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค จนสามารถสร้างครอบครัวเป็นปึกแผ่น จนทุกวันนี้