ทำเนียบรัฐบาล 29 เม.ย.-นายกฯ รับมีแรงกระเพื่อมหลังปรับครม. ต้องทำความเข้าใจคนผิดหวัง หาตำแหน่งเหมาะสมรองรับ เชื่อทุกอย่างจะจบด้วยดี
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ (28 เม.ย.) ว่าในส่วนรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ที่ถูกปรับออก ได้พูดคุยเตรียมงานไว้รองรับ ยืนยัน ไม่มีความขัดแย้งส่วนตัวกับรัฐมนตรีคนใด แต่เข้าใจว่ามีคนผิดหวัง สมหวัง จึงเป็นหน้าที่ของตนในการบริหารเรื่องความคาดหวัง หน้าที่ใหม่ ๆ ควบคู่ไปกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม ได้พูดคุยกันในพรรคตลอด เพื่อไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อม และพูดคุยกันหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่เปลี่ยนรัฐมนตรี รับฟังข้อคิดเห็นจากทุกฝ่าย
“ส่วนรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยที่ถูกปรับออกไป ไม่ว่าจะเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว นายไชยา พรหมา นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียดที่เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาในช่วงการเลือกตั้ง ซึ่งตนเองเคยพูดกับ นพ.ชลน่านว่า เป็นคนประสานในการลงพื้นที่ ปราศรัยพบประชาชน ซึ่งได้ต่อสู้ร่วมกันมา ยืนยันว่าการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัวหรือมีความขัดแย้ง แต่เข้าใจว่ามีความผิดหวัง แต่จะพูดคุยกันเพื่อเดินไปข้างหน้าได้ ยอมรับว่ารัฐมนตรีมีทั้งจุดแข็งและสิ่งที่ต้องปรับปรุง ผมรับฟังความคิดเห็นจากรัฐมนตรีที่ทำงานมาด้วยกัน และถูกเปลี่ยนกระทรวง หรือ เข้ามารับหน้าที่ใหม่ หากเห็นว่าผมบกพร่องจุดไหน ก็จะนำไปพิจารณาและแก้ไขปรับปรุง โดยจะให้เป็นการสื่อสารสองทาง ซึ่ผมถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าการพูดคุยเจรจากับรัฐมนตรีที่เข้ามาใหม่” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีในครั้งต่อไป ต้องพูดถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ขณะเดียวกันการประสานงานแต่ละกระทรวงก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะปัจจุบันการทำงานต้องอาศัยหลายกระทรวง เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดิน และผลักดันนโยบายของรัฐบาลเดินหน้าต่อไปได้
ส่วนที่เพิ่มรัฐมนตรีประจำสำนักนายรัฐมนตรีถึง 3 คน โดยมี นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ข้ามมาจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อนายปานปรีย์เหลือเพียงตำแหน่งเดียว ก็อยากให้โฟกัสงานมากยิ่งขึ้น งานของรัฐมนตรีช่วยอาจจะน้อยลง นายจักรพงษ์มาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะมาดูแลสำนักงบประมาณ เพราะนายจักรพงษ์เคยเป็นเลขานุการสมัยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะมาช่วยผลักดันนโยบาย โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณที่เป็นเรื่องสำคัญ เพราะงบประมาณปี 2567 ที่ประกาศใช้เพียง 5 เดือนเท่านั้น
“งบประมาณ 3 ล้านล้านบาท ต้องถูกผลักไปใช้ ถือว่าเป็นงานท้าท้ายที่ต้องเร่งจัดการงบประมาณให้ได้โดยเร็ว จึงต้องใช้คนที่มีประสบการณ์ บ่ายวันนี้ผมเชิญนายพิชัย ชุณหวชิร ว่าที่รองนายกรัฐนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลางมาหารือความจำเป็นเร่งด่วนการใช้งบประมาณ ผมพยายามทำให้ดีที่สุด หวังว่าทุกอย่างจะจบลงได้ด้วยดี ยอมรับว่า การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้อาจมีแรงกระเพื่อม และความไม่พอใจเป็นธรรมดา คนที่ไม่พอใจก็เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องอธิบายและต้องหาตำแหน่งใหม่ หางานมารองรับให้เหมาะสม เพื่อทำให้ทุกคนรู้ว่าเป็นทีมไทยแลนด์ เป็นทีมงานที่มาทำเพื่อประชาชน การทำงานให้ดีที่สุดคือภูมิคุ้มกัน ตามที่ผมเคยพูดไว้ และเชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนเก่าหรือคนใหม่เข้าใจเรื่องนี้ เห็นความเดือดร้อนของประชาชน จึงจำเป็นต้องใช้ตัวชี้วัดและระยะเวลาทำงานให้สำเร็จ พร้อมทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดโยงประชาชนเป็นที่ตั้ง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนการเสริมรัฐมนตรีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จะช่วยเสริมการทำงานโครงการดิจิทัล วอลเล็ตหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงการคลังมีภารกิจจำนวนมาก เมื่อนายพิชัยควบรองนายกรัฐมนตรี จึงมีภารกิจดูแลหลายอย่าง และมีหน่วยงานของรัฐที่จะต้องแบ่งกันทำงาน เชื่อว่าทั้งสามคนจะร่วมมือกัน โดยเฉพาะ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เคยทำงานที่กระทรวงการคลังมาก่อน และเป็นกำลังสำคัญในทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย มีความชำนาญงานด้านนี้ เชื่อว่าการเป็นคนมีบุคลิกอ่อนน้อม ถ่อมตนเป็นคนน่ารัก การแบ่งงานจะไม่มีปัญหา และให้เกียรติทุกคน.-317.-สำนักข่าวไทย