ทำเนียบรัฐบาล 22 เม.ย.-“นพ.พรหมินทร์” ยัน ไทยเป็นกลางสร้างสันติภาพ เมียนมา ช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม เผย “ปานปรีย์-อนุทิน” บินติดตามสถานการณ์พรุ่งนี้
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงชายแดน ไทย-เมียนมา บริเวณพื้นที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก ว่า รัฐบาลกำหนดจุดยืนชัดเจนคือการป้องกันความรุนแรงขยายตัวเข้ามาสู่เขตแดนไทย และการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามหลักการของสหประชาชาติ
นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบชายแดนไทย-เมียนมา โดยมีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธาน สมาชิกประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงจากด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ และนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้นายปานปรีย์เดินทางไปแทนในวันพรุ่งนี้(23 เม.ย.)
นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ได้พูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะเดินทางไปด้วย ล่าสุดมีผู้หนีภัยเข้ามากว่า 3 พันคน และออกไปกว่า 1 พันคน หน่วยราชการให้ความสำคัญการบริหารในส่วนชายแดน ขณะเดียวกันนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงไปบริหารและสนับสนุนช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากภัยสงคราม ยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญ และมีรายละเอียดหลายประการต้องดูแล โดยเฉพาะเรื่องการต่างประเทศและความมั่นคงของประชาชน
“สำหรับผู้หนีภัยเข้ามาไทยนั้น ดูแลในส่วนของประชาชนเป็นหลัก เขาเข้ามาเพื่อหลบภัย เมื่อสถานการณ์คลี่คลายเขาก็ออกไป ดังนั้น จำนวนผู้หนีภัยจึงเปลี่ยนแปลงวันต่อวัน และเรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ย้ำก่อนหน้านี้ว่า ไม่ให้รุกล้ำมายังเขตแดนไทย ทางการทหารจึงให้ความเข้มงวดเรื่องนี้ ยืนยันไม่มีกองกำลังติดอาวุธเข้ามาในประเทศ ส่วนการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม มี UNHCR อยู่ด้วย รวมถึงองค์กรต่างประเทศอยากสนับสนุน และเราเตรียมพร้อมและพูดคุยกันก่อนหน้านี้แล้ว กองทัพและกระทรวงมหาดไทยดูแลโดยหลักมี standard oporation อยู่แล้ว มีมาตรฐานเตรียมการปฏิบัติ ล่าสุดจะปรับแผนให้รัดกุมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น” นพ.พรหมินทร์ กล่าว
เมื่อถามถึงโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะเป็นตัวกลางเจรจาสันติภาพแต่ละฝ่าย หรือไม่ นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า จุดยืนสำคัญของเราคือเป็นผู้ส่งเสริมสันติภาพและความมั่งคั่งร่วมกัน เป็นหน้าที่ของเราที่จะทำให้ทุกวิถีทางมีความยุติความขัดแย้ง ซึ่งเป็นบทบาทสำคัญในทางสากล เพราะเรามีชายแดนติดต่อกันกว่า 2 พันกิโลเมตร ในเวทีต่างประเทศก็คาดหวังประเทศไทย เราน่าจะมีบทบาทตรงนี้ได้ เพื่อให้ความขัดแย้งคลี่คลายอย่างสันติวิธี ทางการทูต เรายังดำเนินการตามปกติ แต่ยังไม่มีข้อเรียกร้องโดยตรงเรื่องนี้ ซึ่งกระทรวงต่างประเทศจะดูแล
เมื่อถามว่าผู้หนีภัยมีหลายชาติพันธุ์เกิดความขัดแย้งกันหรือไม่ นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า เราอยู่ในสถานะนี้มานานแล้ว และการเคลื่อนย้ายออกของชาวเมียนมา เราไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในประเทศ ย้ำเราไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยว
นพ.พรหมินทร์ กล่าวถึงเศรษฐกิจการค้าชายแดนว่า เมื่อปะทะกัน ด่านชายแดนก็ต้องปิด ทำให้มีเจ้าของกิจการบางส่วนค้างอยู่อีกฝั่ง เรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์พยายามจะคลี่คลาย และยังติดต่อมาจากหอการค้า เราให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลดูแลอย่างใกล้ชิด และทำให้สถานการณ์คลี่คลาย.-317.-สำนักข่าวไทย