โจ๋ต่างถิ่นปะทะเดือด ไล่กระทืบสู้ไม่ได้ ใช้ปืนยิงสวนสาหัส

20 มี.ค. – วัยรุ่นต่างถิ่นปะทะวัยรุ่นเจ้าถิ่นดุเดือดหน้าผับดังเมืองอุดรธานี สุดท้ายวัยรุ่นต่างถิ่นสู้ไม่ได้ โดนกระทืบสลบ เพื่อนชักปืนยิงสวนโดนคู่กรณีบาดเจ็บสาหัส


พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี นำแถลงข่าวจับกุมนายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นายบี (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ชาว อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร และนายซี (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ชาว อ.เมือง จ.ชัยภูมิ พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ฮอนด้า PCX สีแดง ทะเบียนบึงกาฬ โดยจับกุมได้ที่บ้านพักใน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

กลุ่มผู้ถูกยิง เล่าว่า ช่วงหัวค่ำวานนี้ (19 มี.ค.) พาแฟนสาวและเพื่อน 3 คน ไปเที่ยวผับแห่งหนึ่ง ถนนทหาร เขตเทศบาลนครอุดรธานี โดยนั่งอยู่กลางร้าน แต่มีเรื่องเขม่นกับกลุ่มวัยรุ่นชาย 3 คน ที่นั่งอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำหญิง กระทั่งเวลา 01.30 น. พวกตนออกจากร้านเพื่อกลับที่พัก วัยรุ่นที่เขม่นกันเดินตามมาก่อกวนและทำร้ายเพื่อน พอตนเข้าไปห้ามก็โดนทำร้าย โดย 1 ใน 3 ได้เดินไปเอาปืนใต้เบาะรถจักรยานยนต์ฮอนด้า PCX สีแดง ทะเบียนบึงกาฬ ยิงใส่ตน กระสุนลูกปรายเข้าท้องแขนขวา 4 เม็ด หน้าท้อง 5 เม็ด แล้วหลบหนีไป ตนไปโรงพยาบาล เมื่อทำแผลแล้วได้มาแจ้งความดำเนินคดีกับวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าว


หลังจากได้รับแจ้งได้ประสาน พ.ต.ท.นิธิศ รอดคลองตัน รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังไปตรวจกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าร้าน พบทั้งสองกลุ่มชกต่อยกัน กลุ่มผู้บาดเจ็บรุมทำร้ายอริจนบาดเจ็บ ทำให้กลุ่มดังกล่าวใช้ปืนยิงเพื่อหยุดการกระทำ และนำผู้โดนรุมทำร้ายขึ้นรถจักรยานยนต์ฮอนด้า PCX สีแดง หลบหนีไป

ตำรวจขยายผลจับกุมได้ครบทั้ง 3 คน ส่วนอาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ นายเอ (นามสมมติ) รับสารภาพว่าได้นำไปโยนทิ้งสระหนองหลวง ต.หนองหลวง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร จึงนำตัวไปตรวจเขม่าดินปืน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนกลุ่มที่ก่อเหตุลั่นไก นายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ให้การว่า ตนพาแฟนมาสอบ และชวนเพื่อนมาเที่ยวด้วย พวกตนนั่งอยู่โต๊ะหน้าห้องน้ำหญิง โดนกลุ่มผู้บาดเจ็บหาเรื่องตบหัวก่อน พอผับเลิกพวกตนออกมานอกร้านเพื่อกลับบ้าน แต่กลุ่มผู้บาดเจ็บเดินออกมาหาเรื่อง พวกตนว่าจะลงมือก่อนแต่กลุ่มผู้บาดเจ็บได้ลงมือก่อน เพื่อนตนโดนรุมทำร้ายจนสลบ ตนเห็นท่าไม่ดี จึงไปเปิดเบาะรถแล้วหยิบปืนมายิงใส่กลุ่มผู้บาดเจ็บ ทำให้กลุ่มดังกล่าวหยุดทำร้ายเพื่อนตน จากนั้นจึงอุ้มเพื่อนขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่กลับบ้านที่ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร นำปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ ที่ซื้อมาในราคา 4,500 บาท ไปทิ้งหนองน้ำพัทยา 3 ในหมู่บ้าน ซึ่งตนเป็นคนยิงเอง


ตำรวจ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติย้อนหลัง พบว่าขณะที่นายเอ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ได้ร่วมกันกับพวกประมาณ 10 คน เคยใช้อาวุธปืนยิงคนเสียชีวิตในพื้นที่ อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี มาแล้ว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขัง เจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

กองปราบฯ นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขังศาลอาญารัชดา เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ด้านเจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

ครูปรีชาทนายตั้ม

“ครูปรีชา” หิ้วกาแฟ-ข้าวผัด เยี่ยม “ทนายตั้ม”

เกือบ 24 ชั่วโมง ที่ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ เตรียมส่งตัวฝากขังบ่ายนี้ ส่วนคู่กรณีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” นำข้าวผัดและกาแฟ เข้าเยี่ยม “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันคำเดิม “ความจริงก็คือความจริง”

นายกฯ เร่งตั้งทีม JTC เจรจา MOU44 คาดชัด 18 พ.ย.นี้

นายกฯ ยันรัฐบาลเร่งตั้งคณะกรรมการ JTC หารือเส้นเขตแดน MOU 44 และพลังงานใต้ทะเล คาด 18 พ.ย.นี้ ชัดเจน “ภูมิธรรม” มั่นใจกัมพูชายึดตามสนธิสัญญาเจนีวา แม้ไม่เข้าร่วม ย้ำมีผลผูกพันทุกประเทศทั่วโลก