รัฐสภา 14 มี.ค.-“โรม” ชี้ “ทักษิณ” ไปเชียงใหม่แค่อยากเยี่ยมบ้าน สงสัยป่วยจริงหรือไม่ ไม่แน่ใจใครคือนายกฯ ตัวจริง ยันอภิปรายทั่วไปเป็นหมัดหนัก ไม่ใช่หมัดแย็บ แม้จะเสียสมาธิไปกับเรื่องถูกยุบพรรค
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปไหว้บรรพบุรุษที่จ.เชียงใหม่ โดยคาดการณ์ว่า อาจจะมีนัยทางการเมือง ว่า เรื่องนี้คงมีหลายฝ่ายมองถึงความเป็นไปได้ว่าสุดท้ายแล้ว นายทักษิณต้องการทวงพื้นที่คืนหรือไม่ ต้องดูรายละเอียดมากกว่านี้ แต่คิดว่าอาจจะอยากกลับไปเยี่ยมบ้านเพราะเป็นคนเชียงใหม่
“ผมมองว่าเป็นเรื่องที่คาใจสังคมคือสภาพร่างกายของคุณทักษิณ เพราะที่ผ่านมาเราได้รับข้อมูลมาโดยตลอดจากรัฐบาลว่าสุขภาพแย่มาก และอยู่ ๆ ผ่านไปไม่กี่วัน สามารถออกจากโรงพยาบาลไปอยู่บ้านที่กรุงเทพ ฯ และเดินทางไปเชียงใหม่ต่อได้ ตนคิดว่าสิ่งนี้ทำให้ เกิดความคาใจว่ารัฐบาลหลอกเราหรือไม่ ถ้ารัฐบาลไม่ตรงไปตรงมากับประชาชน รัฐบาลนี้ใช้ไม่ได้ เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบ ส่วนผลลัพธ์ทางการเมือง ต้องยอมรับว่าคุณทักษิณมีอิทธิพลต่อการเมืองไทยแน่นอน เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ เราอภิปรายในสภาฯ ถึงคุณทักษิณกับอภิปรายคุณเศรษฐา จะเห็นว่าปฏิกิริยาของพรรคเพื่อไทยเมื่อเทียบแล้วต่างกันคนล่ะเรื่อง ผมไม่แน่ใจว่าตกลงใครคือนายกรัฐมนตรี ใครไม่ใช่นายกรัฐมนตรี” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ส่วนบทบาทของนายทักษิณจะมีไปถึงการเลือกตั้งนายกองคฺการบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) ที่จะมีขึ้นทั่วประเทศหรือไม่ เป็นสิ่งที่ต้องดูว่าจะวางยุทธศาสตร์ทางการเมืองมากน้อยเพียงใด สุดท้ายอาจเป็นแค่อยากกลับบ้านก็ได้เป็นไปได้หมด อยากให้โฟกัสกับความซื่อสัตย์ของรัฐบาลมากกว่า
“ประเด็นที่คุณทักษิณเคยโดนกระทำทางการเมืองมาก่อน ผมเห็นด้วยว่ามีคดีความหลายเรื่องที่คุณทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่การแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ใช่การหลอกกัน ทางแก้ที่ควรจะเป็นคือมาคุยกัน โดยใช้กติกาในเชิงระบบ กลไกกติกาต่างๆสามารถแก้ไขได้
เมื่อถามว่าจะนำประเด็นนี้มาเป็นส่วนหนึ่งอภิปรายทั่วไปหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการของการสรุปว่าจะอภิปรายตามมาตรา 152 เรื่องใดบ้าง ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ อีกไม่กี่วันคงจะได้เห็นว่าจะมีเรื่องอะไรบ้าง จะพยายามหยิบยกเรื่องสำคัญมาอภิปราย แต่การอภิปรายในครั้งนี้ไม่ใช่การลงมติไม่ไว้วางใจ จึงไม่นำไปสู่การถอดถอนตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ก็จะมีภาระทางการเมืองที่รัฐบาลต้องตอบ จากสถานการณ์ในตอนนี้ หากรัฐบาลไม่มีคำตอบชัดเจน ประกอบกรณีของนายทักษิณ จะยิ่งสร้างปัญหาให้รัฐบาลนี้มากขึ้น อย่าดูเบาในเรื่องนี้ พรรคการเมืองที่เคยใหญ่ก็สามารถกลายเป็นพรรคเล็กได้
ส่วนจะมีใครเป็นผู้อภิปรายบ้าง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการหารือ แต่ค่อนข้างมีเวลาน้อย เพราะมีการอภิปรายเรื่องงบประมาณฯปี 67 และรัฐบาลนี้ไม่เหมือนรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาที่สามารถอภิปรายต่อตั้งแต่เป็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช.)
เมื่อถามว่าการอภิปรายของฝ่ายค้านครั้งนี้จะเป็นเหมือนหมัดหนักหรือไม่ นายรังสิมันต์ ยืนยันว่าเป็นหมัดหนัก ไม่ใช่หมัดแย็บ การอภิปรายตามมาตรา 152 เป็นรองแค่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ขณะนี้ต้องไปวุ่นวายและสนใจเรื่องที่กกต.มีมติยื่นยุบพรรค ทำให้เสียสมาธิไปบ้าง แต่จะพยายามทำอย่างเต็มที่ในสภาฯ ส่วนกรณีที่บอกว่าพรรคก้าวไกลไม่กล้าแตะนายทักษิณ แต่ไปแตะที่กระบวนการแทน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ที่แตะกระบวนการเพราะยั่งยืน และเป็นคนละกรณีกับพล.อ.ประยุทธ์ที่เจาะจงตัว เนื่องจากยึดอำนาจมาและสืบทอดอำนาจ แต่เรื่องที่นายทักษิณกลับไทย เป็นเรื่องของกระบวนการที่ไม่เกิดขึ้นกับทุกคน และเป็นอภิสิทธิ์ชน สุดท้ายใครอยากได้แบบนี้ก็ต้องมีเส้นสายหรือเครือข่ายเข้าถึงส่วนกลางอำนาจได้ ซึ่งไม่อยากให้เกิดขึ้น.-317.-สำนักข่าวไทย