“ภูมิธรรม” ชี้ฝ่ายค้านอภิปรายแต่เรื่องเก่า ยันรัฐบาลไม่มีนโยบายไอโอ

รัฐสภา 25 มี.ค. – “ภูมิธรรม” บอกนั่งฟังอภิปราย 2 วัน ฝ่ายค้านไม่มีข้อมูลใหม่ แจงเดินหน้าปฏิรูปกองทัพ-ปรับลดกำลังพล ส่วนยกเลิกเกณฑ์ทหาร ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องทำเป็นขั้นตอน ชี้หากมีภัยสงคราม กองทัพต้องปกป้องประเทศชาติได้ ยันไม่มีปฏิบัติการไอโอ พร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริง


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจง ภายหลังฝ่ายค้านอภิปรายถึงเรื่องกองทัพ การปฏิบัติการข่าวสาร (ไอโอ) การเกณฑ์ทหาร และเรือดำน้ำ ว่า สองวันในการอภิปราย คิดว่าท่านคงมีอะไรใหม่ๆ มาเสนอแนะให้รับทราบ เพื่อจะได้นำไปปรับปรุงใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์กับประชาชน แต่ตนนั่งฟังอยู่สองวันก็เห็นการอภิปรายเอาข่าวหนังสือพิมพ์ เอาคำสัมภาษณ์มาโยง มาผูกกันเป็นเรื่องเป็นราวมากมาย อยากให้การอภิปรายเป็นเรื่องที่หยิบเอาประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าจะไม่ไว้วางใจ ต้องมีประเด็นใหม่ๆ ที่คิดว่าเป็นเรื่องของการทำลายประเทศ หรือไม่มีความเหมาะสมที่จะบริหารประเทศ

นายภูมิธรรม กล่าวว่า การปฏิรูปกองทัพ การเกณท์ทหาร เรื่องเรือดำน้ำ เรื่องไอโอ เป็นเรื่องใหญ่ที่ควรจะพูด นอกนั้นเป็นเรื่องที่ผ่านมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งเรื่องการปฏิรูปกองทัพ เรารู้อยู่แล้วว่าบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไป กองทัพต้องเป็นกองทัพที่เหมาะกับการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมือง ซึ่งได้คุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้งหมด และได้ตกลงกันว่า กองทัพต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป กระทรวงกลาโหมกับเหล่าทัพได้คุยกัน และได้ออกสมุดปกขาวขึ้นมาฉบับหนึ่ง เพื่อกำหนดทิศทางของกองทัพ จากปี 2569 ถึงปี 2580 ซึ่งต้องยอมรับว่า หลายเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาก็เป็นความจริง ที่ผ่านมากองทัพส่วนใดพัฒนาก็พัฒนาไป และอาจจะไม่ได้เห็นการรวมของแต่ละเหล่าทัพเป็นทิศทางเดียวกัน และพบว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี้ทำมายาวนานแล้ว และบางทีต่างฝ่ายต่างก็กำหนดกำลังพล กำหนดอาวุธยุทโธปกรณ์ กำหนดทิศทางการเดิน ก็ทำให้เกิดปัญหาได้ และต้องยอมรับว่า ทหารสมัยนี้เป็นทหารยุคใหม่ที่คิดอะไรไปไกล เพราะทุกคนไปเรียนรู้จากภายนอกมามากพอสมควร จึงรู้ว่าโลกต้องเปลี่ยนแปลงอย่างไร โดยเราได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการเดินไปทิศทางเดียวกันต้องเป็นอย่างไร ตั้งแต่อาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ละเหล่าทัพต้องจัดลำดับความสำคัญของอาวุธยุทโธปกรณ์ได้ ซึ่งได้พูดคุยการปรับยุทธศาสตร์ ปรับทิศทางกองทัพ ปรับกำลังพล ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร แต่ต้องอย่าลืมว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำมายาวนาน แล้วอยู่ๆ จะมายกเลิกทีเดียวก็คิดง่ายๆ อย่างนั้นไม่ได้ และต้องคิดว่ากองทัพมีไว้ทำอะไรบ้าง อย่างน้อยที่สุด หากมีภัยสงคราม กองทัพต้องปกป้องประเทศชาติได้ ซึ่งตนได้คุย และขอให้คิดถึงจุดต่ำสุดที่เรามีกำลังพอที่จะรักษาประเทศ ถ้ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น นี่คือสิ่งที่อยู่บนความเป็นจริง ไม่ได้อยู่บนความฝันหรือจินตนาการ เพราะต้องรู้ว่าการเติบโตของกองทัพตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบัน ก็ต้องมาคิดว่าจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างไรได้บ้าง โดยที่ทุกอย่างไม่ได้จบในวันเดียว การยกเลิกการเกณฑ์ทหารไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะถ้ายกเลิกไปแล้วเกิดอะไรขึ้นจะจัดการอย่างไร กรุงโรมไม่ได้สร้างในวันเดียว เหมือนกันการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในกองทัพก็ต้องใช้เวลา


“ไม่มีหรอกครับอย่างที่ท่านพูด เข้ามาแล้วจะยกเลิกการเกณฑ์ทหาร 100% เข้ามาแล้วจะพัฒนากองทัพให้มีนายพลลดลงไป ทำอย่างนั้นไม่ได้ ท่านรู้หรือไม่ ว่าทำไมกองทัพจึงมีกำลังพลมาก และที่เพิ่มเติมตำแหน่งต่างๆ มากมาย เพราะตั้งแต่มีสงครามความขัดแย้งภายในประเทศ กองทัพต้องเร่งผลิตกำลังคน นักเรียนนายร้อยแค่ปีสามก็ต้องออกไปรบแล้ว และสูญเสียมากมายก็ต้องเร่งผลิต ซึ่งปัญหานั้น กองทัพมองถึงความมั่นคงของประเทศ การที่มีภัย การคุกคามหรือความแตกต่างที่ต่อสู้กันก็ต้องผลิตคนไปสู้ ทำให้มีคนมากขึ้น เมื่อวันนี้โลกเปลี่ยนแปลง และมองว่าต้องหยุดแล้วไม่ได้เป็นแบบนั้น แล้วการผลิตก็ล้นมา และท่านหวังว่าจะให้อยู่ๆ ไล่คนเหล่านั้นออก ทำไม่ได้ และทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการ ตนทำเออร์ลี่รีไทร์บ้างก็ออกไป” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนลดกำลังพลด้วยการเออร์ลี่รีไทร์ ตั้งแต่เข้ามาได้ลดไป 589 อัตรา ซึ่งเป็นอัตราทดแทน ส่วนเรื่องเรือดำน้ำ ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ตกค้างมาจากคนอื่นๆ และรัฐบาลเข้ามาแบกรับปัญหา เราไม่เคยปฏิเสธในการแก้ปัญหา ตนได้ทำหนังสือไปถึงรัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี ว่าเรือดำน้ำที่มีปัญหาเครื่องยนต์ทำไม่ได้นั้น ตนขอซื้อได้หรือไม่ และหาคนมาติดตั้งแทน ซึ่งยังไม่ได้รับคำตอบจากเยอรมนี และได้ทำหนังสือถึงปากีสถาน ซึ่งเขาบอกว่า เรือที่ติดเครื่องยนต์เรือดำน้ำนี้ยังไม่เคยลงน้ำมาก่อน ปากีสถานเอาเรือลงดำน้ำพอดี ขอให้ช่วยประเมินว่า เรือดำน้ำใช้เครื่องยนต์จีน แบบเดียวกับที่เราต้องซื้อ ก็ยังทำได้ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งต้องรอคำตอบ เพราะไม่ง่ายและต้องตัดสินใจ ไม่มีใครกล้าตัดสินใจ และตนจะต้องตัดสินใจ โดยมีเหตุมีผลรองรับ

ส่วนเรื่องไอโอ ยืนยันว่า รัฐบาลนี้หรือพวกเราทั้งหมดที่ทำงานบริหารประเทศ ไม่มีนโยบายตามที่ท่านได้กล่าวมา และตนเพิ่งได้รับทราบจากท่าน ซึ่งตนอาจจะไม่กว้างขวาง จากนี้จะไปดำเนินการสืบสวนสอบสวนในข้อเท็จจริงทั้งหมด และจะหาหนทางในการแก้ไข ถ้ามันเป็นจริง แต่ก็พูดยาก เพราะนั่งฟังท่านมาก็สับสนในข้อมูลเยอะเหมือนกัน หลายเรื่องเป็นเรื่องเก่า หลายเรื่องเป็นเรื่องไม่จริง ซึ่งตนรับฟังและจะไปตรวจสอบ จะให้เชื่อเลยก็คงเป็นไปได้ยาก และจะให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปตรวจสอบและมารายงานตน


“อยากให้ทุกคนมีใจที่กว้างขวาง เพราะที่ฟังมาล้วนแต่เอาเรื่องในอดีต และเรื่องของคนอื่น หลายเรื่องนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ยังไม่ได้เป็นนายกฯ พอถ้าอภิปรายไปถึงต้นเหตุทั้งหมดก็เป็นปัญหา ซึ่งงานไหนที่เป็นปัญหาจะรับมาพิจารณาหาทางแก้ไข และอันไหนที่ไม่ใช่เรื่องที่สาระสำคัญหรือเป็นวาทกรรม และเป็นการแสดงตนก็จะปล่อยผ่านไป” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนจะบอกว่ากองทัพเป็นที่ที่เข้าไม่ได้นั้น ไม่จริง เพราะนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และนางสาวเบญจา แสงจันทร์ รวมถึงหลายๆ คนเข้ามาแล้ว กระทรวงกลาโหมเปิดต้อนรับตลอด เพื่อพูดคุยกัน.-315-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“สุชาติ” มอบนโยบายสำนักพุทธฯ ลุยสางปัญหาวงการสงฆ์

พุทธมณฑล 16 ก.ค.- “สุชาติ” มอบนโยบายสำนักพุทธฯ ผอ.พศจ.ทั่วประเทศตบเท้าเข้าฟัง หลังเกิดประเด็นฉาว “สีกากอล์ฟ” บอกขอฟังปัญหาก่อนเพื่อแก้ให้ตรงจุด ชี้ถูกสั่งให้มาสางปัญหาแต่ปัญหามีเยอะเหลือเกิน ยกรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 แจง รัฐต้องช่วยแก้ปัญหา นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมามอบนโยบายการดำเนินงานแก่ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยมีนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงและผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาทั่วประเทศเข้ารับฟัง ณ อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ห้องประชุม มส.เดิม) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม หลังเกิดประเด็น สีกากอล์ฟ ที่มีพระชั้นผู้ใหญ่เข้าไปเกี่ยวข้องจนทำให้มีการลาสิกขาบทไปแล้วถึง 9 รูป โดยนายสุชาติ กล่าวว่า ตนมาวันนี้อยากขอฟังภารกิจของสำนักงานพระพุทธศาสนา ในสิ่งที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เพราะตอนนี้ตนได้มารับงานดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นอย่างที่ตนได้เคยให้ข่าวไว้ว่ารับน้องใหม่แรงเหลือเกิน แต่ไม่เป็นไรยินดีที่จะเข้ามาสางปัญหา เพราะถูกส่งให้เข้ามาสางปัญหาโดยเฉพาะ แต่ก็มีปัญหาให้สางเยอะไปหน่อย แล้วตนอยากฟังว่าการดำเนินงานที่ผ่านมามีปัญหาหรือติดขัดอะไรบ้าง มีอะไรให้รัฐบาลช่วยเหลือแก้ไขให้ถูกจุด เพราะว่าตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 5 […]

“สีกากอล์ฟ” อิดโรย-ยกมือไหว้ขอโทษ ก่อนเข้าห้องขังกองปราบฯ

16 ก.ค. – “สีกากอล์ฟ” ปิดปากเงียบตอบคำถามสำนึกผิดหรืออยากขอโทษในสิ่งที่ทำลงไปหรือไม่ พร้อมยกมือไหว้ขอโทษ ก่อนถูกคุมตัวเข้าห้องขังกองปราบฯ ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ควบคุมตัว น.ส.วิลาวัลย์ หรือ สีกากอล์ฟ เข้ามาควบคุมตัวที่ห้องควบคุมขัง ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าสำนึกผิดหรืออยากจะขอโทษในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปหรือไม่ สีกากอล์ฟไม่ตอบคำถามใดๆ เพียงแค่ยกมือไหว้เท่านั้นจากการสังเกตพบว่าสีกากอล์ฟมีท่าทีอิดโรยและเครียดมาก ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. แจ้งข้อหาสีกากอล์ฟ อายุ 35 ปี ใน 3 ข้อหา คือ ม.147 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, รับของโจร, สมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน ก่อนแถลงจับกุมว่ พบลักษณะของการกรรโชกทรัพย์อดีตท่านเจ้าคุณอาชว์ จึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการสืบสวน แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเราต้องทำก่อนคือการจัดการปัญหาเรื่องวินัยสงฆ์ เพราะถ้ารูปต่างๆ หลุดออกไป อาจทำให้เกิดความเสื่อมเสียไปเป็นอย่างมาก จากการตรวจสอบพบว่าสีกากอล์ฟมีความสัมพันธ์กับอดีตเจ้าคุณอาชว์ ช่วงเดือน พ.ค. 2567 ก่อนที่จะห่างกันไป แต่กลับมาอ้างว่ามีลูกที่เจ้าคุณอาชว์ พร้อมขอค่าเลี้ยงดูเลี้ยง 7.2 ล้านบาท ตกเดือนละ […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]