“ภูมิธรรม” ชี้ฝ่ายค้านอภิปรายแต่เรื่องเก่า ยันรัฐบาลไม่มีนโยบายไอโอ

รัฐสภา 25 มี.ค. – “ภูมิธรรม” บอกนั่งฟังอภิปราย 2 วัน ฝ่ายค้านไม่มีข้อมูลใหม่ แจงเดินหน้าปฏิรูปกองทัพ-ปรับลดกำลังพล ส่วนยกเลิกเกณฑ์ทหาร ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องทำเป็นขั้นตอน ชี้หากมีภัยสงคราม กองทัพต้องปกป้องประเทศชาติได้ ยันไม่มีปฏิบัติการไอโอ พร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริง


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจง ภายหลังฝ่ายค้านอภิปรายถึงเรื่องกองทัพ การปฏิบัติการข่าวสาร (ไอโอ) การเกณฑ์ทหาร และเรือดำน้ำ ว่า สองวันในการอภิปราย คิดว่าท่านคงมีอะไรใหม่ๆ มาเสนอแนะให้รับทราบ เพื่อจะได้นำไปปรับปรุงใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์กับประชาชน แต่ตนนั่งฟังอยู่สองวันก็เห็นการอภิปรายเอาข่าวหนังสือพิมพ์ เอาคำสัมภาษณ์มาโยง มาผูกกันเป็นเรื่องเป็นราวมากมาย อยากให้การอภิปรายเป็นเรื่องที่หยิบเอาประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าจะไม่ไว้วางใจ ต้องมีประเด็นใหม่ๆ ที่คิดว่าเป็นเรื่องของการทำลายประเทศ หรือไม่มีความเหมาะสมที่จะบริหารประเทศ

นายภูมิธรรม กล่าวว่า การปฏิรูปกองทัพ การเกณท์ทหาร เรื่องเรือดำน้ำ เรื่องไอโอ เป็นเรื่องใหญ่ที่ควรจะพูด นอกนั้นเป็นเรื่องที่ผ่านมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งเรื่องการปฏิรูปกองทัพ เรารู้อยู่แล้วว่าบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไป กองทัพต้องเป็นกองทัพที่เหมาะกับการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมือง ซึ่งได้คุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้งหมด และได้ตกลงกันว่า กองทัพต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป กระทรวงกลาโหมกับเหล่าทัพได้คุยกัน และได้ออกสมุดปกขาวขึ้นมาฉบับหนึ่ง เพื่อกำหนดทิศทางของกองทัพ จากปี 2569 ถึงปี 2580 ซึ่งต้องยอมรับว่า หลายเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาก็เป็นความจริง ที่ผ่านมากองทัพส่วนใดพัฒนาก็พัฒนาไป และอาจจะไม่ได้เห็นการรวมของแต่ละเหล่าทัพเป็นทิศทางเดียวกัน และพบว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี้ทำมายาวนานแล้ว และบางทีต่างฝ่ายต่างก็กำหนดกำลังพล กำหนดอาวุธยุทโธปกรณ์ กำหนดทิศทางการเดิน ก็ทำให้เกิดปัญหาได้ และต้องยอมรับว่า ทหารสมัยนี้เป็นทหารยุคใหม่ที่คิดอะไรไปไกล เพราะทุกคนไปเรียนรู้จากภายนอกมามากพอสมควร จึงรู้ว่าโลกต้องเปลี่ยนแปลงอย่างไร โดยเราได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการเดินไปทิศทางเดียวกันต้องเป็นอย่างไร ตั้งแต่อาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ละเหล่าทัพต้องจัดลำดับความสำคัญของอาวุธยุทโธปกรณ์ได้ ซึ่งได้พูดคุยการปรับยุทธศาสตร์ ปรับทิศทางกองทัพ ปรับกำลังพล ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร แต่ต้องอย่าลืมว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำมายาวนาน แล้วอยู่ๆ จะมายกเลิกทีเดียวก็คิดง่ายๆ อย่างนั้นไม่ได้ และต้องคิดว่ากองทัพมีไว้ทำอะไรบ้าง อย่างน้อยที่สุด หากมีภัยสงคราม กองทัพต้องปกป้องประเทศชาติได้ ซึ่งตนได้คุย และขอให้คิดถึงจุดต่ำสุดที่เรามีกำลังพอที่จะรักษาประเทศ ถ้ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น นี่คือสิ่งที่อยู่บนความเป็นจริง ไม่ได้อยู่บนความฝันหรือจินตนาการ เพราะต้องรู้ว่าการเติบโตของกองทัพตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบัน ก็ต้องมาคิดว่าจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างไรได้บ้าง โดยที่ทุกอย่างไม่ได้จบในวันเดียว การยกเลิกการเกณฑ์ทหารไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะถ้ายกเลิกไปแล้วเกิดอะไรขึ้นจะจัดการอย่างไร กรุงโรมไม่ได้สร้างในวันเดียว เหมือนกันการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในกองทัพก็ต้องใช้เวลา


“ไม่มีหรอกครับอย่างที่ท่านพูด เข้ามาแล้วจะยกเลิกการเกณฑ์ทหาร 100% เข้ามาแล้วจะพัฒนากองทัพให้มีนายพลลดลงไป ทำอย่างนั้นไม่ได้ ท่านรู้หรือไม่ ว่าทำไมกองทัพจึงมีกำลังพลมาก และที่เพิ่มเติมตำแหน่งต่างๆ มากมาย เพราะตั้งแต่มีสงครามความขัดแย้งภายในประเทศ กองทัพต้องเร่งผลิตกำลังคน นักเรียนนายร้อยแค่ปีสามก็ต้องออกไปรบแล้ว และสูญเสียมากมายก็ต้องเร่งผลิต ซึ่งปัญหานั้น กองทัพมองถึงความมั่นคงของประเทศ การที่มีภัย การคุกคามหรือความแตกต่างที่ต่อสู้กันก็ต้องผลิตคนไปสู้ ทำให้มีคนมากขึ้น เมื่อวันนี้โลกเปลี่ยนแปลง และมองว่าต้องหยุดแล้วไม่ได้เป็นแบบนั้น แล้วการผลิตก็ล้นมา และท่านหวังว่าจะให้อยู่ๆ ไล่คนเหล่านั้นออก ทำไม่ได้ และทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการ ตนทำเออร์ลี่รีไทร์บ้างก็ออกไป” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนลดกำลังพลด้วยการเออร์ลี่รีไทร์ ตั้งแต่เข้ามาได้ลดไป 589 อัตรา ซึ่งเป็นอัตราทดแทน ส่วนเรื่องเรือดำน้ำ ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ตกค้างมาจากคนอื่นๆ และรัฐบาลเข้ามาแบกรับปัญหา เราไม่เคยปฏิเสธในการแก้ปัญหา ตนได้ทำหนังสือไปถึงรัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี ว่าเรือดำน้ำที่มีปัญหาเครื่องยนต์ทำไม่ได้นั้น ตนขอซื้อได้หรือไม่ และหาคนมาติดตั้งแทน ซึ่งยังไม่ได้รับคำตอบจากเยอรมนี และได้ทำหนังสือถึงปากีสถาน ซึ่งเขาบอกว่า เรือที่ติดเครื่องยนต์เรือดำน้ำนี้ยังไม่เคยลงน้ำมาก่อน ปากีสถานเอาเรือลงดำน้ำพอดี ขอให้ช่วยประเมินว่า เรือดำน้ำใช้เครื่องยนต์จีน แบบเดียวกับที่เราต้องซื้อ ก็ยังทำได้ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งต้องรอคำตอบ เพราะไม่ง่ายและต้องตัดสินใจ ไม่มีใครกล้าตัดสินใจ และตนจะต้องตัดสินใจ โดยมีเหตุมีผลรองรับ

ส่วนเรื่องไอโอ ยืนยันว่า รัฐบาลนี้หรือพวกเราทั้งหมดที่ทำงานบริหารประเทศ ไม่มีนโยบายตามที่ท่านได้กล่าวมา และตนเพิ่งได้รับทราบจากท่าน ซึ่งตนอาจจะไม่กว้างขวาง จากนี้จะไปดำเนินการสืบสวนสอบสวนในข้อเท็จจริงทั้งหมด และจะหาหนทางในการแก้ไข ถ้ามันเป็นจริง แต่ก็พูดยาก เพราะนั่งฟังท่านมาก็สับสนในข้อมูลเยอะเหมือนกัน หลายเรื่องเป็นเรื่องเก่า หลายเรื่องเป็นเรื่องไม่จริง ซึ่งตนรับฟังและจะไปตรวจสอบ จะให้เชื่อเลยก็คงเป็นไปได้ยาก และจะให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปตรวจสอบและมารายงานตน


“อยากให้ทุกคนมีใจที่กว้างขวาง เพราะที่ฟังมาล้วนแต่เอาเรื่องในอดีต และเรื่องของคนอื่น หลายเรื่องนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ยังไม่ได้เป็นนายกฯ พอถ้าอภิปรายไปถึงต้นเหตุทั้งหมดก็เป็นปัญหา ซึ่งงานไหนที่เป็นปัญหาจะรับมาพิจารณาหาทางแก้ไข และอันไหนที่ไม่ใช่เรื่องที่สาระสำคัญหรือเป็นวาทกรรม และเป็นการแสดงตนก็จะปล่อยผ่านไป” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนจะบอกว่ากองทัพเป็นที่ที่เข้าไม่ได้นั้น ไม่จริง เพราะนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และนางสาวเบญจา แสงจันทร์ รวมถึงหลายๆ คนเข้ามาแล้ว กระทรวงกลาโหมเปิดต้อนรับตลอด เพื่อพูดคุยกัน.-315-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]