นายกฯ ขอบคุณทุกคนที่ไว้วางใจ บอก “ทักษิณ” แล้วยังไม่ปรับ ครม.

รัฐสภา 26 มี.ค.- นายกฯ ขอบคุณทุกคนที่ไว้วางใจ ลั่นไม่ต้องการให้มีภาพงูเห่า ไม่มีคุยต่อรองเก้าอี้ ยอมรับบอก “ทักษิณ” แล้วยังไม่ปรับ ครม. ชี้ทำงานกำลังลื่นไหลได้ดี ตามสไตล์ “นายกฯ เจนวาย” แต่ไม่ปิดทาง พร้อมรับฟังพรรคร่วม เผยไม่มีอะไรต้องติดใจ 4 เสียง ปชป. เตรียมให้ทีมงานทำเอกสารแจงเพิ่มลงโซเชียล

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลัง สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบไว้วางใจนายกรัฐมนตรีท่วมท้น ว่า ขอบคุณทุกคนที่ไว้วางใจ ว่าตอนแรกยังไม่แน่ใจว่าวิธีการเป็นอย่างไรเพราะเป็นครั้งแรก พอประธานพูดจบเสียบบัตรลงคะแนนเลขก็ขึ้นเลย จึงไม่แน่ใจว่าเลขที่จอใช่ผลหรือยัง ซึ่งถือว่าเร็วมากเพราะตอนโหวตนายกฯ เป็นการขานชื่อ ถือว่าเร็วมากก็ต้องขอบคุณ


เมื่อถามว่าเสียงของรัฐบาลท่วมท้นอยู่แล้วทำไมต้องพึ่งเสียงของงูเห่า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้พึ่งเลย ต้องมานั่งดูกันอีกทีว่ายังไง เพราะไม่ต้องการให้มีภาพของงูเห่า แต่ก็ต้องขอบคุณทุกคะแนนเสียง เพราะตอนที่คุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ก็คุยกันเฉพาะคะแนนโหวตของพรรคร่วม ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลทำงานกันมาแค่คะแนนของพรรคร่วมก็พอแล้ว

ส่วน 4 เสียงของพรรคประชาธิปัตย์ที่ลงคะแนนงดออกเสียง ติดใจหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่เลย ไม่มีติดใจอะไรทั้งนั้น ไม่เป็นไร


เมื่อถามว่า คะแนนเสียงจากงูเห่าจะต้องตอบแทนอะไรหรือไม่ หรือไม่จำเป็นจะต้องตอบแทน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ไม่ทราบว่างูเห่ามาจากไหน พร้อมถามกลับสื่อมวลชนว่าทราบหรือยังว่า 7 เสียงมาจากใคร ผู้สื่อข่าวจึงตอบว่า มาจากพรรคไทยสร้างไทยและพรรคพลังประชารัฐ นายกรัฐมนตรี นิ่งคิดก่อนจะร้อง “อ๋อค่ะ” ยืนยันว่าไม่มี และไม่ได้คุยอะไรกันไว้ก่อนเลย ด้วยความสัตย์จริงที่สุด ไม่ได้คุยอะไรกันไว้ก่อนเลยจึงไม่ทราบว่าจะต้องให้อะไร

เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีการเอามาต่อรองกับเก้าอี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) หากมีการย้ายพรรค นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ไม่มี ไม่มีการต่อรองเกิดขึ้นทั้งนั้น เพราะอย่างที่เคยบอกไปว่าการปรับครม. เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ถ้าจะไปทางไหนอย่างไรก็ไม่เป็นผล

ส่วนหลังจากนี้นายกฯโฟกัสการทำงานอย่างไรบ้าง หลังได้คะแนนท่วมท้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ทำงานต่อไปเต็มที่ ซึ่งก็มีการพูดคุยอยู่แล้วกับพรรคร่วมรัฐบาล เราก็คุยกันชัดเจนทุกเรื่อง ว่ามันเป็นสไตล์การทำงานของตนอยู่แล้ว ว่า มีอะไรก็บอกกับพรรคร่วมตรงๆว่าอันไหนใช่ อันไหนไม่ใช่ แบบไหนที่เราต้องการและเราไม่ต้องการก็อย่างที่บอกว่าเป็นนายกฯเจนวาย ก็ต้องพูดแบบนี้


เมื่อถามว่ามั่นใจใช่หรือไม่ว่าสิ่งที่พูดในสภาครบถ้วนหมดแล้ว จำเป็นต้องมีการชี้แจงรายละเอียดเพิ่มหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าที่ตอบไปทั้งหมด รวมถึงที่รัฐมนตรีตอบช่วย ค่อนข้างที่จะครบหมดแล้ว แต่มีบางอย่างที่คิดว่าน่าจะทำเอกสารตามต่อ เพื่อให้เผยแพร่ในโซเชียลได้ เผื่อคนที่ยังไม่ได้ดูยังติดใจก็สามารถส่งต่อได้ เป็นสิ่งที่ทีมงานทำต่ออยู่แล้ว

เมื่อถามว่า หลังจากนี้มีแพลนจะปรับอะไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ยังไม่มีแพลนจะปรับครม.

เมื่อถามต่อว่าหากคนที่อยากปรับ ไปกดดันนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มากดดันนายกรัฐมนตรีต่อจะรับฟังหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตนรับฟังทุกเรื่องอยู่แล้ว ซึ่งจริงๆแล้ว ได้คุยกันอยู่แล้ว ตั้งรัฐมนตรีอย่างไรก็มีการคุยกัน ถามกัน มีการปรึกษาคุยกันอย่างเช่น วันที่จะมีการอภิปรายรอบนี้ ก็ได้พูดคุยกับนายทักษิณว่า ยังไม่ได้จะปรับครม. ท่านก็บอกว่า “อ๋อ โอเค ก็แค่นี้ ” ก็ยังไม่ได้คิดจะปรับครม.ตอนนี้

เมื่อถามย้ำว่าหากมีการวิ่งเต้นผ่านนายทักษิณ ต้องฟังหรือไม่ นายก กล่าวว่า “เราฟังเหตุผลอยู่แล้ว แต่จะปรับหรือไม่ปรับ เดี๋ยวเราคุยกันอีกที”

ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า ไม่ได้ปิดใช่หรือไม่ หากพรรคร่วมรัฐบาลอยากปรับ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ทุกอย่างรับฟังไว้ก่อนได้ เพราะบางทีอาจจะคิดไม่ครบก็ได้ ถ้าฟังแล้วเปิดใจ ก็ดูว่าอะไรดีที่สุดเท่านั้นเอง ทุกเรื่องต้องใช้เหตุผลอยู่แล้ว

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีจะลำบากใจหรือไม่ หากทุกคนวิ่งไปหานายทักษิณ เพื่อกดดันนายกรัฐมนตรีในการปรับ ครม. นายกรัฐมนตรี ยิ้มและถามกลับว่า อันนี้อภิปรายครอบงำยังไม่จบใช่หรือไม่ ก่อนกล่าวต่อว่า คิดว่าถ้าทุกคนอยากได้อะไร อาจจะต้องมีการวิ่งทุกช่องทาง ซึ่งก็ทราบอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่ ก็ดูกันเอง ว่า วิ่งทางไหนแล้วเป็นผลก็แล้วกัน

เมื่อถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี บอกว่านายทักษิณ ถามเรื่องปรับ ครม. แต่นายกรัฐมนตรีบอกว่ายังไม่มีแพลน นายกรัฐมนตรี ตอบกลับว่า “คุณพ่อไม่ได้ถามเรื่องปรับ ครม. มีการคุยกันอยู่แล้ว ว่า การอภิปรายครั้งนี้เป็นอย่างไร จะปรับหรือไม่ปรับ ซึ่งพูดคุยกันอยู่แล้วว่ายังไม่ปรับ ครม. นายทักษิณ ก็รับทราบ

เมื่อถามว่าเหตุผลที่นายกรัฐมนตรียังไม่ปรับ ครม. ในตอนนี้ เป็นเพราะอะไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังรู้สึกว่าการทำงานกำลังรื่นไหลได้ดี อย่างน้อยทุกคนก็ต้องมีเวลาในการปรับตัว และเริ่มทำงาน ให้คล่องมือ เช่นเดียวกับตนเอง เพราะ ครม. นี้เป็น ครม. แรกที่เข้ามา ก็ทำงานเท่า ๆ กัน เพราะฉะนั้นก็ดูกันไป

เมื่อถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี บอกว่า ได้ยื่นเรื่องให้แพทยสภา ตรวจสอบอาการป่วยของนายทักษิณ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้กำลังรอผลอยู่ ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าผลจะออกมาเมื่อไหร่ ส่วนจะเปิดเผยต่อสาธารณะได้หรือไม่ ขอไปตรวจสอบก่อน ว่า ผิดกฎหมายหรือไม่ แต่ยังไม่ทราบไทม์ไลน์ว่าจะได้เมื่อไหร่ เปิดเผยได้หรือไม่ได้ต้องดูกันอีกที ถ้าเปิดเผยได้ก็จะเปิดเผย

เมื่อถามว่า หากสามารถพูดกับประชาชนได้หนึ่งประโยคจะบอกอะไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอขอบคุณที่ติดตามการอภิปราย และการชี้แจง ทั้งของฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ซึ่งพยายามให้ข้อมูลกับประชาชนให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และตอบข้อสงสัย ซึ่งทำเต็มที่ พร้อมฝากให้ติดตามผลงานกันต่อไป เรื่องนโยบายรัฐบาลก็เร่งเต็มที่อยู่แล้ว.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]