“ณัฐพงษ์” สรุปศึกซักฟอก “นายกฯ แพทองธาร”

รัฐสภา 25 มี.ค.-“ณัฐพงษ์” สรุปศึกซักฟอก ชี้ “แพทองธาร” จงใจทำธุรกรรมอำพรางวางแผนหนีภาษี อิงแอบกับกลุ่มทุน เอาใจอำนาจเก่า ขาดเจตจำนงแก้ปัญหา หนีความจริง-หลอกสังคม จวกนายกฯ ไม่ใช่คนเดียวที่เป็นเหยื่อการเมืองในฐานะ “ลูกสาวทักษิณ”


ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 26 สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 2 วาระพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เป็นวันที่ 2 หลังจากผู้อภิปรายคนสุดท้ายของพรรคร่วมฝ่ายค้านได้อภิปรายจบ และนายกรัฐมนตรีได้กล่าวชี้แจง นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวสรุปญัตติ

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หลังจากการอภิปราย 2 วัน ได้มีประเด็นชวนสนทนากับนายกรัฐมนตรีหลายเรื่อง และนายกรัฐมนตรีได้เปิดประเด็นใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในญัตติ ว่าพรรคของตนและพรรคของนายกรัฐมนตรีนั้นหัวอกเดียวกัน เจอนิติสงคราม ถูกยุบพรรคมาแบบเดียวกัน แต่คำถามคือ นายกรัฐมนตรีจะออกจากปัญหานี้อย่างไร ท่านบอกแล้วว่าพรรคเพื่อไทยมีนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วไหนการกระทำ ทำไมไม่เหมือนกับที่ท่านพูดไว้เมื่อสักครู่


“อย่าอ้างเรื่องข้อกฎหมายว่ามีความเห็นแตกต่างเรื่องการทำประชามติ ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นเหตุผลบังหน้าอยู่ เบื้องหลังเป็นเหตุผลทางการเมือง เฉพาะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เจตจำนงของนายกรัฐมนตรีอยู่ตรงไหน” นายณัฐพงษ์ กล่าว

สำหรับคุณสมบัติด้านความรู้ความสามารถของนายกรัฐมนตรี ที่บอกว่า พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สมัยท่านเป็นผู้บริหารในบริษัทเอกชนอาจสามารถใช้การสั่งได้มากกว่า แต่การฟังเยอะๆในสภาให้มากกว่าการพูด จะช่วยเพิ่มวุฒิภาวะได้ อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติเรื่องการขาดเจตจำนงทางการเมือง ต้องถามนายกรัฐมนตรีว่า เหตุผลที่ท่านมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองตอนนี้คืออะไร

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีเล่าประวัติชีวิตส่วนตัวที่ผ่านมาตั้งแต่การปฏิวัติรัฐประหารปี 2549 ความขัดแย้งทางการเมืองเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา สมาชิกในห้องนี้ล้วนเข้าใจความรู้สึกดี


“แต่ท่านเหมือนพยายามมาเล่าว่าตนเองเป็นผู้ถูกกระทำ ทั้งที่ทุกคนในประเทศนี้เป็นผู้ถูกกระทำจากความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศที่ผ่านมา ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีคนเดียวในฐานะลูกสาวของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หากท่านจะใช้ความเป็นบุตรสาว ตั้งคำถามถึงความเป็นบุตรสาวของคนเสื้อแดงที่ต่อสู้เพื่อทักษิณ ชินวัตร ดูสิครับ จุดยืนของพรรคเพื่อไทยในวันนี้ ครอบครัวของคนเสื้อแดงที่ต้องสูญเสียไป ลูกสาวของเขารู้สึกอย่างไร ผมคิดว่าหลายคนรู้สึกโกรธ เศร้า หมดหวังกับการเมืองที่เป็นอยู่วันนี้ ถ้าเราจะเอาเรื่อง 20 ปีที่แล้วมาเล่า ก็จะวกเวียนซ้ำซากอยู่แบบนี้” นายณัฐพงษ์ กล่าว

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สำหรับตนเอง ความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา 20 ปี หากจะให้พูดโดยสรุปแค่ 2 ประโยคว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย คือประโยคที่ว่า 20 ปีที่แล้ว ประเทศไทยสูญเสียไปทุกอย่าง เพื่อเอาคุณทักษิณ ชินวัตร ออกนอกประเทศ จะเกิดขึ้นจากใครนั้น คิดเอง แต่ 20 ปีผ่านมา ประเทศไทยกำลังจะสูญเสียทุกอย่างไปอีกครั้ง เพื่อเอา ทักษิณ ชินวัตร กลับมาในประเทศนี้

“นี่แหละคือสิ่งที่เราพยายามสื่อสารว่าดีลแลกประเทศคืออะไร และเป็นสิ่งที่ผมกล่าวหาท่าน ซึ่งความจริงไม่ใช่การกล่าวหา เพราะผมคิดว่าเป็นข้อเท็จจริง ว่าท่านได้ไปร่วมขบวนการกับพวกเขาแล้ว และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ นี่แหละคือการอภิปรายบนพื้นฐานข้อเท็จจริง” นายณัฐพงษ์ กล่าว

นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า ท่านพยายามโยนคำกลับมาว่า พวกเราเป็นผู้ประดิษฐ์วาทกรรม ใส่ร้ายป้ายสี ไม่ใช่การเมืองสร้างสรรค์ เพราะครั้งนี้เป็นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อกล่าวหาท่านก็ต้องชี้แจง แต่มองในมุมหนึ่ง ท่านบอกว่าท่านกำลังทำหน้าที่ กำลังเรียนรู้ แต่ท่านกลับนำข้อกล่าวหามาโยนใส่พวกตนที่กำลังทำหน้าที่ มันถูกต้องหรือไม่ มองว่าเป็นตรรกะที่ย้อนแย้ง การแสดงออกด้วยการกดคนอื่น ถือเป็นภาวะผู้นำที่ดีหรือไม่

“ท่านบอกว่าเรามีแต่เรื่องเก่า แต่เรื่องเก่าที่ผิดหลายเรื่อง ทำไมท่านถึงไม่แก้ สัมปทานทางด่วน ค่าไฟฟ้าแพง เหมืองทองอัครา แม้ไม่ได้เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ หรือในรัฐบาลชุดนี้ แต่ในเมื่อท่านอยู่ในอำนาจแล้ว ทำไมจึงไม่ออกมายืนยันกับพวกเราว่าจะแก้ไข” นายณัฐพงษ์ กล่าว

นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงคำว่าดีล ที่อ้างว่าเป็นเรื่องปกติในการเมือง ดีลอย่างไรให้โปร่งใสให้เป็นประโยชน์ เราจึงต้องกล่าวหาว่า เหตุและผลในการตัดสินใจทางนโยบายแต่ละด้าน เหตุผลที่ต้องโกหกประชาชนที่เคยสัญญาไว้คืออะไร ลองอธิบายให้เราเข้าใจโลกการเมืองที่เป็นจริงมากขึ้น แต่ไม่เคยนำเหตุผลจริงๆ มาคุยกัน เพราะพูดไม่ได้ เพราะพูดไปแล้วไม่มีใครที่จะเข้าใจ เพราะเป็นดีลที่ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ แต่ผลประโยชน์ตกอยู่กับคนไม่กี่กลุ่ม

นายณัฐพงษ์ ไล่เรียงประเด็นต่างๆ เช่น คำถามเรื่องภาษีการรับให้ ซึ่งมีคำถามว่า หากเมื่อวาน ( 24 มี.ค.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ไม่ลุกขึ้นมาถามคำถามนี้ ท่านวางแผนจะจ่ายภาษีเมื่อไหร่ หรือจะรอไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีกำหนดชำระและดอกเบี้ย
ทั้งนี้ โดยสามัญสำนึกของวิญญูชน ถ้าทุกคนในประเทศนี้มีหุ้นแบบเดียวกับนายกรัฐมนตรี และใช้วิธีเดียวกันกับนายกรัฐมนตรีทั้งประเทศ วิญญูชนมองว่าเป็นวิธีการที่ถูกต้องหรือไม่ ประเทศไทยจะจัดเก็บภาษีมรดกจากกรณีนี้ได้กี่บาท แล้วจะมีไว้ทำไม ประเด็นนี้ไม่ต้องเลี่ยงโวหาร แต่ขอเรียกว่าเป็นธุรกรรมอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี

สำหรับกรณีปลาหมอคางดำ ที่นายกรัฐมนตรีอ้างว่ารัฐบาลที่ผ่านมามีมาตรการแก้ไข และเคยเกิดขึ้นมาก่อนในอดีต อีกทั้งมีการตั้งงบประมาณไว้ 98 ล้านบาทในการแก้ปัญหา แต่ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน ไม่ได้ถามว่า ต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ แต่ถามว่าเมื่อไรที่รัฐบาลชุดนี้จะบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา นำบริษัทที่เป็นต้นเหตุของปัญหานี้มารับผิดชอบ เหตุใดเราถึงต้องนำงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนมาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากบริษัทนั้น

ส่วนเรื่องฝุ่น PM 2.5 นั้น นายกรัฐมนตรีเลือกตอบโดยการใช้จำนวนจุดความร้อนที่หายไป ทั้งที่มีการเปิดเผยข้อมูลว่า พื้นที่เผาไหม้เพิ่มขึ้น ดังนั้น ตัวชี้วัดจึงต้องเริ่มให้ถูกจุด ไม่เช่นนั้นนายกรัฐมนตรีก็จะเอาตัวเลขที่ดูดีขึ้นมาหลอกประชาชน

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ปัญหาค่าไฟแพง นายกรัฐมนตรีก็ใช้เทคนิคเดิมตอบว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่เคยซื้อไฟฟ้าเพิ่ม แต่ก็จะยังสืบสานแผนที่ผิดๆ ต่อไปหรือไม่ ขณะที่บิดาของนายกรัฐมนตรีมีภาพไปตีกอล์ฟกับกลุ่มทุนพลังงาน เหตุใดจึงตั้งคำถามไม่ได้ หรือเพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือเปล่า ขอให้นายกรัฐมนตรีลุกขึ้นตอบว่าจะปรับปรุงเรื่องนี้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่นายณัฐพงษ์กล่าวสรุป ได้มี สส. พรรคร่วมรัฐบาลหลายคน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย เช่น นางสาวจิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่, นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ ประท้วงและคัดค้านว่า ผู้นำฝ่ายค้านได้ตั้งคำถามใหม่ ทั้งที่การอภิปรายจบไปแล้ว และรัฐบาลไม่สามารถตอบได้อีก โดยมี สส.พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นแย้ง ขณะที่ นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นแสดงความเห็นด้วยกับ สส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน

ท้ายที่สุด วันมูหะมัด นอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม วินิจฉัยว่า เป็นการสรุปข้อกล่าวหาที่ผ่านมาในการอภิปราย แต่ขอให้นายณัฐพงษ์ไม่เปิดประเด็นใหม่ และไม่ต้องตั้งคำถาม เพราะฝ่ายรัฐบาลจะไม่ได้ตอบแล้ว ขอให้สรุปเนื้อหา ก่อนที่จะถึงเวลา 23.00 น.

นายณัฐพงษ์ จึงยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีสามารถใช้สิทธิ์พาดพิงตอบคำถามตนได้เสมอ เพราะจะมีการพาดพิงนายกรัฐมนตรีตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ตอนนี้นายกรัฐมนตรีไม่ได้อยู่ในห้องประชุมสภาแล้ว จึงทำให้มีเสียงโห่จากสมาชิกในห้องประชุม วันมูหะมัดนอร์ จึงห้ามไม่ให้โห่ และระบุว่า นายณัฐพงษ์สามารถใช้สิทธิ์ตามข้อบังคับได้

จากนั้น นายณัฐพงษ์กล่าวถึงเรื่องที่ดินโรงแรมเทมส์ วัลเล่ย์ เขาใหญ่ คือเรื่องโฉนดที่ดิน ซึ่งยังยืนยันว่าไม่ถูกต้อง ขณะที่การประกอบธุรกิจโรงแรมถูกต้องหรือไม่นั้น โรงแรมแห่งนี้เริ่มธุรกิจตั้ง 2557-2562 จึงไม่แน่ใจว่าถูกกฎหมายหรือไม่

ส่วนประเด็นเรื่องชั้น 14 ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลชุดก่อนๆ แต่นายกรัฐมนตรีอยู่ในพยานรู้เห็นสถานะของคุณพ่อตนเองมาตลอด เราอยากได้คำตอบว่าทักษิณป่วยเป็นอะไรแน่ จึงทำให้ได้รักษาตัวที่ชั้น 14 สำหรับเรื่องคอลเซนเตอร์ มีการอภิปรายมานาน แต่ยังสงสัยว่าเรื่อง พ.ร.ก. ที่กำหนดการร่วมรับผิดชอบของสถาบันการเงิน เมื่อใดจะออกมาสักที ก็ยังไม่ได้คำตอบ

นายณัฐพงษ์ ระบุว่า อย่างน้อยถ้านายกรัฐมนตรีจะแสดงออกว่ามีเจตจำนงทางการเมืองจริง เราอยากได้ยิน 3 ข้อจากรัฐบาล คือเมื่อไรที่รัฐบาลชุดนี้ ที่เราตั้งชิ่อว่า ดีลแลกประเทศ จะหยุดเอาใจกลุ่มทุน กลุ่มอำนาจเดิม เลิกบิดเบือนกฎหมาย เปลี่ยนดำเป็นขาว และยังคงรอนายกรัฐมนตรีใข้สิทธิพาดพิงอยู่ แต่ท่านก็ไม่มา จึงน่าเสียดายที่ประชาชนไม่ได้รับฟังคำตอบจากนายกรัฐมนตรี

“ผมขอกล่าวหานายกรัฐมนตรีให้เกิดความเสียหาย ว่านายกรัฐมนตรีจงใจทำธุรกรรมอำพรางวางแผนเพื่อหนีภาษี อิงแอบกับกลุ่มทุน เอาใจอำนาจเก่า ละเว้นการใช้อำนาจหน้าที่ของตนเองในฐาะนายกรัฐมนตรี ท่านไม่มีความรู้ความสามารถ ท่านไม่มีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหา เลือกหยิบตัวเลขดีๆ มาบอกสังคม ท่านหนีความจริง ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ทำให้ตนไม่สามารถไว้วางใจนายกรัฐมนตรีให้ดำรงตำแหน่งได้อีกต่อไป” นายณัฐพงษ์กล่าว

จากนั้น ประธานในที่ประชุม กล่าวว่า ตามข้อบังคับการอภิปรายไม่ไว้วางไม่สามารถกระทำในวันเดียวกับการลงมติได้ จึงนัดประชุมอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (26 มี.ค.) เพื่อลงมติไม่วางใจ ก่อนจะปิดการประชุมในเวลา 22.25 น. .-(315) -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

ผบ.ทสส.นัดถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ ปมชายแดนไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – ถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ พรุ่งนี้ แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา คาด “ผบ.ทบ.” รับผิดชอบโดยตรง เตรียมแผนรับมือครอบคลุมทุกมิติแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.68) พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) จะเป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4/2568 วาระเฉพาะกิจ ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) ในเวลา 14.00 น. คาดว่าจะมีการหารือถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของกองทัพบกโดยตรง ทั้งการเตรียมกำลัง และดำเนินการเกี่ยวกับการใช้กำลังตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง และเตรียมแผนพร้อมรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ครอบคลุมทุกมิติแล้ว สำหรับการประชุม ผบ.เหล่าทัพ ในครั้งนี้ กองทัพอากาศเป็นเจ้าภาพ และได้แจ้งสื่อมวลชน ขอยกเลิกการมาทำข่าวนี้ เนื่องจากเป็นการประชุมเฉพาะกิจ นอกจากนี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะมีการประชุม และคาดว่าจะมีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลแก้ปัญหาโดยเฉพาะ.-313-สำนักข่าวไทย

รวมพลังหยุดเหมืองพิษ คืนชีวิตคนลุ่มน้ำชายแดน

5 มิ.ย. – วันนี้เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งขณะนี้ผู้คนตามลุ่มน้ำชายแดนไทย-เมียนมา ทางภาคเหนือของไทย กำลังเผชิญกับวิกฤติสิ่งแวดล้อม หลัง 2 เดือนมานี้พบสารหนูปนเปื้อนเกินมาตรฐานในลำน้ำกกและน้ำสาย รวมถึงแม่น้ำรวกและแม่น้ำโขง เชื่อว่าเป็นผลมาจากการทำเหมืองแร่หลายแห่งบริเวณต้นน้ำในเมียนมา วันนี้ชาวเชียงใหม่และเชียงราย ร่วมกันออกมาแสดงพลังเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยเฉพาะการเจรจาให้หยุดเหมืองพิษและคืนชีวิตให้กับลุ่มน้ำต่างๆ .-สำนักข่าวไทย

แฉชนวนเหตุ ไรเดอร์บุกยิงดับ 2 ศพคา รพ.

ปทุมธานี 5 มิ.ย. – จากเหตุระทึกขวัญที่ลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี เมื่อคืนที่ผ่านมา ไรเดอร์บุกยิงคนถึงในบ้าน แล้วยังขับรถตามไปยิงซ้ำที่โรงพยาบาลจนเสียชีวิต วันนี้ตำรวจจับกุมตัวได้แล้ว ชนวนเหตุมาจากอะไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา ยึดหลักการสันติวิธี ยันไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ชี้ต้องคุยเฉพาะพื้นที่เป็นปัญหา ไม่ขยายประเด็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า “จากกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดิฉันได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และท่านรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งได้โทรศัพท์เข้ามารายงานเรื่องการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ จังหวัดอุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมอย่างรอบด้าน รัฐบาลไทยขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน ในกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะเสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ประเทศไทยยังยึดมั่นในกลไกการหารือทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศค่ะ.-315.-สำนักข่าวไทย