“ณัฐพงษ์” สรุปศึกซักฟอก “นายกฯ แพทองธาร”

รัฐสภา 25 มี.ค.-“ณัฐพงษ์” สรุปศึกซักฟอก ชี้ “แพทองธาร” จงใจทำธุรกรรมอำพรางวางแผนหนีภาษี อิงแอบกับกลุ่มทุน เอาใจอำนาจเก่า ขาดเจตจำนงแก้ปัญหา หนีความจริง-หลอกสังคม จวกนายกฯ ไม่ใช่คนเดียวที่เป็นเหยื่อการเมืองในฐานะ “ลูกสาวทักษิณ”


ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 26 สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 2 วาระพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เป็นวันที่ 2 หลังจากผู้อภิปรายคนสุดท้ายของพรรคร่วมฝ่ายค้านได้อภิปรายจบ และนายกรัฐมนตรีได้กล่าวชี้แจง นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวสรุปญัตติ

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หลังจากการอภิปราย 2 วัน ได้มีประเด็นชวนสนทนากับนายกรัฐมนตรีหลายเรื่อง และนายกรัฐมนตรีได้เปิดประเด็นใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในญัตติ ว่าพรรคของตนและพรรคของนายกรัฐมนตรีนั้นหัวอกเดียวกัน เจอนิติสงคราม ถูกยุบพรรคมาแบบเดียวกัน แต่คำถามคือ นายกรัฐมนตรีจะออกจากปัญหานี้อย่างไร ท่านบอกแล้วว่าพรรคเพื่อไทยมีนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วไหนการกระทำ ทำไมไม่เหมือนกับที่ท่านพูดไว้เมื่อสักครู่


“อย่าอ้างเรื่องข้อกฎหมายว่ามีความเห็นแตกต่างเรื่องการทำประชามติ ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นเหตุผลบังหน้าอยู่ เบื้องหลังเป็นเหตุผลทางการเมือง เฉพาะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เจตจำนงของนายกรัฐมนตรีอยู่ตรงไหน” นายณัฐพงษ์ กล่าว

สำหรับคุณสมบัติด้านความรู้ความสามารถของนายกรัฐมนตรี ที่บอกว่า พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สมัยท่านเป็นผู้บริหารในบริษัทเอกชนอาจสามารถใช้การสั่งได้มากกว่า แต่การฟังเยอะๆในสภาให้มากกว่าการพูด จะช่วยเพิ่มวุฒิภาวะได้ อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติเรื่องการขาดเจตจำนงทางการเมือง ต้องถามนายกรัฐมนตรีว่า เหตุผลที่ท่านมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองตอนนี้คืออะไร

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีเล่าประวัติชีวิตส่วนตัวที่ผ่านมาตั้งแต่การปฏิวัติรัฐประหารปี 2549 ความขัดแย้งทางการเมืองเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา สมาชิกในห้องนี้ล้วนเข้าใจความรู้สึกดี


“แต่ท่านเหมือนพยายามมาเล่าว่าตนเองเป็นผู้ถูกกระทำ ทั้งที่ทุกคนในประเทศนี้เป็นผู้ถูกกระทำจากความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศที่ผ่านมา ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีคนเดียวในฐานะลูกสาวของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หากท่านจะใช้ความเป็นบุตรสาว ตั้งคำถามถึงความเป็นบุตรสาวของคนเสื้อแดงที่ต่อสู้เพื่อทักษิณ ชินวัตร ดูสิครับ จุดยืนของพรรคเพื่อไทยในวันนี้ ครอบครัวของคนเสื้อแดงที่ต้องสูญเสียไป ลูกสาวของเขารู้สึกอย่างไร ผมคิดว่าหลายคนรู้สึกโกรธ เศร้า หมดหวังกับการเมืองที่เป็นอยู่วันนี้ ถ้าเราจะเอาเรื่อง 20 ปีที่แล้วมาเล่า ก็จะวกเวียนซ้ำซากอยู่แบบนี้” นายณัฐพงษ์ กล่าว

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สำหรับตนเอง ความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา 20 ปี หากจะให้พูดโดยสรุปแค่ 2 ประโยคว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย คือประโยคที่ว่า 20 ปีที่แล้ว ประเทศไทยสูญเสียไปทุกอย่าง เพื่อเอาคุณทักษิณ ชินวัตร ออกนอกประเทศ จะเกิดขึ้นจากใครนั้น คิดเอง แต่ 20 ปีผ่านมา ประเทศไทยกำลังจะสูญเสียทุกอย่างไปอีกครั้ง เพื่อเอา ทักษิณ ชินวัตร กลับมาในประเทศนี้

“นี่แหละคือสิ่งที่เราพยายามสื่อสารว่าดีลแลกประเทศคืออะไร และเป็นสิ่งที่ผมกล่าวหาท่าน ซึ่งความจริงไม่ใช่การกล่าวหา เพราะผมคิดว่าเป็นข้อเท็จจริง ว่าท่านได้ไปร่วมขบวนการกับพวกเขาแล้ว และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ นี่แหละคือการอภิปรายบนพื้นฐานข้อเท็จจริง” นายณัฐพงษ์ กล่าว

นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า ท่านพยายามโยนคำกลับมาว่า พวกเราเป็นผู้ประดิษฐ์วาทกรรม ใส่ร้ายป้ายสี ไม่ใช่การเมืองสร้างสรรค์ เพราะครั้งนี้เป็นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อกล่าวหาท่านก็ต้องชี้แจง แต่มองในมุมหนึ่ง ท่านบอกว่าท่านกำลังทำหน้าที่ กำลังเรียนรู้ แต่ท่านกลับนำข้อกล่าวหามาโยนใส่พวกตนที่กำลังทำหน้าที่ มันถูกต้องหรือไม่ มองว่าเป็นตรรกะที่ย้อนแย้ง การแสดงออกด้วยการกดคนอื่น ถือเป็นภาวะผู้นำที่ดีหรือไม่

“ท่านบอกว่าเรามีแต่เรื่องเก่า แต่เรื่องเก่าที่ผิดหลายเรื่อง ทำไมท่านถึงไม่แก้ สัมปทานทางด่วน ค่าไฟฟ้าแพง เหมืองทองอัครา แม้ไม่ได้เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ หรือในรัฐบาลชุดนี้ แต่ในเมื่อท่านอยู่ในอำนาจแล้ว ทำไมจึงไม่ออกมายืนยันกับพวกเราว่าจะแก้ไข” นายณัฐพงษ์ กล่าว

นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงคำว่าดีล ที่อ้างว่าเป็นเรื่องปกติในการเมือง ดีลอย่างไรให้โปร่งใสให้เป็นประโยชน์ เราจึงต้องกล่าวหาว่า เหตุและผลในการตัดสินใจทางนโยบายแต่ละด้าน เหตุผลที่ต้องโกหกประชาชนที่เคยสัญญาไว้คืออะไร ลองอธิบายให้เราเข้าใจโลกการเมืองที่เป็นจริงมากขึ้น แต่ไม่เคยนำเหตุผลจริงๆ มาคุยกัน เพราะพูดไม่ได้ เพราะพูดไปแล้วไม่มีใครที่จะเข้าใจ เพราะเป็นดีลที่ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ แต่ผลประโยชน์ตกอยู่กับคนไม่กี่กลุ่ม

นายณัฐพงษ์ ไล่เรียงประเด็นต่างๆ เช่น คำถามเรื่องภาษีการรับให้ ซึ่งมีคำถามว่า หากเมื่อวาน ( 24 มี.ค.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ไม่ลุกขึ้นมาถามคำถามนี้ ท่านวางแผนจะจ่ายภาษีเมื่อไหร่ หรือจะรอไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีกำหนดชำระและดอกเบี้ย
ทั้งนี้ โดยสามัญสำนึกของวิญญูชน ถ้าทุกคนในประเทศนี้มีหุ้นแบบเดียวกับนายกรัฐมนตรี และใช้วิธีเดียวกันกับนายกรัฐมนตรีทั้งประเทศ วิญญูชนมองว่าเป็นวิธีการที่ถูกต้องหรือไม่ ประเทศไทยจะจัดเก็บภาษีมรดกจากกรณีนี้ได้กี่บาท แล้วจะมีไว้ทำไม ประเด็นนี้ไม่ต้องเลี่ยงโวหาร แต่ขอเรียกว่าเป็นธุรกรรมอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี

สำหรับกรณีปลาหมอคางดำ ที่นายกรัฐมนตรีอ้างว่ารัฐบาลที่ผ่านมามีมาตรการแก้ไข และเคยเกิดขึ้นมาก่อนในอดีต อีกทั้งมีการตั้งงบประมาณไว้ 98 ล้านบาทในการแก้ปัญหา แต่ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน ไม่ได้ถามว่า ต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ แต่ถามว่าเมื่อไรที่รัฐบาลชุดนี้จะบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา นำบริษัทที่เป็นต้นเหตุของปัญหานี้มารับผิดชอบ เหตุใดเราถึงต้องนำงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนมาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากบริษัทนั้น

ส่วนเรื่องฝุ่น PM 2.5 นั้น นายกรัฐมนตรีเลือกตอบโดยการใช้จำนวนจุดความร้อนที่หายไป ทั้งที่มีการเปิดเผยข้อมูลว่า พื้นที่เผาไหม้เพิ่มขึ้น ดังนั้น ตัวชี้วัดจึงต้องเริ่มให้ถูกจุด ไม่เช่นนั้นนายกรัฐมนตรีก็จะเอาตัวเลขที่ดูดีขึ้นมาหลอกประชาชน

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ปัญหาค่าไฟแพง นายกรัฐมนตรีก็ใช้เทคนิคเดิมตอบว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่เคยซื้อไฟฟ้าเพิ่ม แต่ก็จะยังสืบสานแผนที่ผิดๆ ต่อไปหรือไม่ ขณะที่บิดาของนายกรัฐมนตรีมีภาพไปตีกอล์ฟกับกลุ่มทุนพลังงาน เหตุใดจึงตั้งคำถามไม่ได้ หรือเพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือเปล่า ขอให้นายกรัฐมนตรีลุกขึ้นตอบว่าจะปรับปรุงเรื่องนี้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่นายณัฐพงษ์กล่าวสรุป ได้มี สส. พรรคร่วมรัฐบาลหลายคน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย เช่น นางสาวจิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่, นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ ประท้วงและคัดค้านว่า ผู้นำฝ่ายค้านได้ตั้งคำถามใหม่ ทั้งที่การอภิปรายจบไปแล้ว และรัฐบาลไม่สามารถตอบได้อีก โดยมี สส.พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นแย้ง ขณะที่ นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นแสดงความเห็นด้วยกับ สส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน

ท้ายที่สุด วันมูหะมัด นอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม วินิจฉัยว่า เป็นการสรุปข้อกล่าวหาที่ผ่านมาในการอภิปราย แต่ขอให้นายณัฐพงษ์ไม่เปิดประเด็นใหม่ และไม่ต้องตั้งคำถาม เพราะฝ่ายรัฐบาลจะไม่ได้ตอบแล้ว ขอให้สรุปเนื้อหา ก่อนที่จะถึงเวลา 23.00 น.

นายณัฐพงษ์ จึงยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีสามารถใช้สิทธิ์พาดพิงตอบคำถามตนได้เสมอ เพราะจะมีการพาดพิงนายกรัฐมนตรีตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ตอนนี้นายกรัฐมนตรีไม่ได้อยู่ในห้องประชุมสภาแล้ว จึงทำให้มีเสียงโห่จากสมาชิกในห้องประชุม วันมูหะมัดนอร์ จึงห้ามไม่ให้โห่ และระบุว่า นายณัฐพงษ์สามารถใช้สิทธิ์ตามข้อบังคับได้

จากนั้น นายณัฐพงษ์กล่าวถึงเรื่องที่ดินโรงแรมเทมส์ วัลเล่ย์ เขาใหญ่ คือเรื่องโฉนดที่ดิน ซึ่งยังยืนยันว่าไม่ถูกต้อง ขณะที่การประกอบธุรกิจโรงแรมถูกต้องหรือไม่นั้น โรงแรมแห่งนี้เริ่มธุรกิจตั้ง 2557-2562 จึงไม่แน่ใจว่าถูกกฎหมายหรือไม่

ส่วนประเด็นเรื่องชั้น 14 ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลชุดก่อนๆ แต่นายกรัฐมนตรีอยู่ในพยานรู้เห็นสถานะของคุณพ่อตนเองมาตลอด เราอยากได้คำตอบว่าทักษิณป่วยเป็นอะไรแน่ จึงทำให้ได้รักษาตัวที่ชั้น 14 สำหรับเรื่องคอลเซนเตอร์ มีการอภิปรายมานาน แต่ยังสงสัยว่าเรื่อง พ.ร.ก. ที่กำหนดการร่วมรับผิดชอบของสถาบันการเงิน เมื่อใดจะออกมาสักที ก็ยังไม่ได้คำตอบ

นายณัฐพงษ์ ระบุว่า อย่างน้อยถ้านายกรัฐมนตรีจะแสดงออกว่ามีเจตจำนงทางการเมืองจริง เราอยากได้ยิน 3 ข้อจากรัฐบาล คือเมื่อไรที่รัฐบาลชุดนี้ ที่เราตั้งชิ่อว่า ดีลแลกประเทศ จะหยุดเอาใจกลุ่มทุน กลุ่มอำนาจเดิม เลิกบิดเบือนกฎหมาย เปลี่ยนดำเป็นขาว และยังคงรอนายกรัฐมนตรีใข้สิทธิพาดพิงอยู่ แต่ท่านก็ไม่มา จึงน่าเสียดายที่ประชาชนไม่ได้รับฟังคำตอบจากนายกรัฐมนตรี

“ผมขอกล่าวหานายกรัฐมนตรีให้เกิดความเสียหาย ว่านายกรัฐมนตรีจงใจทำธุรกรรมอำพรางวางแผนเพื่อหนีภาษี อิงแอบกับกลุ่มทุน เอาใจอำนาจเก่า ละเว้นการใช้อำนาจหน้าที่ของตนเองในฐาะนายกรัฐมนตรี ท่านไม่มีความรู้ความสามารถ ท่านไม่มีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหา เลือกหยิบตัวเลขดีๆ มาบอกสังคม ท่านหนีความจริง ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ทำให้ตนไม่สามารถไว้วางใจนายกรัฐมนตรีให้ดำรงตำแหน่งได้อีกต่อไป” นายณัฐพงษ์กล่าว

จากนั้น ประธานในที่ประชุม กล่าวว่า ตามข้อบังคับการอภิปรายไม่ไว้วางไม่สามารถกระทำในวันเดียวกับการลงมติได้ จึงนัดประชุมอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (26 มี.ค.) เพื่อลงมติไม่วางใจ ก่อนจะปิดการประชุมในเวลา 22.25 น. .-(315) -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 : 230

รัฐสภา 15 ส.ค.- ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 ต่อ 230 ด้าน ‘พิชัย’ ขอบคุณสภาฯ ยันจะใช้งบให้ตรงตามวัตถุประสงค์โปร่งใส-เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการตั้งวงเงินงบประมาณ จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ประชุมสภาฯ ใช้เวลาอภิปรายตลอด 3 วัน ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม และลงมติเมื่อเวลา 22.50 น. ผลปรากฏว่า จากจำนวนสมาชิก 487 เสียง เห็นด้วย 257 เสียง ไม่เห็นด้วย 230 เสียง งดออกเสียง 1 […]

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]