1 เม.ย. – เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุตึก สตง.ถล่ม ทยอยส่งกลับถึงบ้านเกิดแล้ว ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว บางคนทำใจไม่ได้ถึงกับเป็นลม
นางสุดา โอทาตะวงค์ มารดานายบุญรอด หรือ หลอด อายุ 33 ปี แรงงานหนุ่มชาวนครพนมที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ตึก สตง.ถล่มเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเคาะโลงเรียกบุตรชายให้มากินข้าวกินน้ำ ทั้งน้ำตา หลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยน้ำร่างไร้วิญญาณมาส่งถึงบ้านเกิดเมื่อเวลา 02.20น. ที่ผ่านมา โดยครอบครัวตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่บ้าน ในพื้นที่หมู่ 6 บ้านคำสว่าง ตำบลวังตามัว อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม
นางสุดา เล่าทั้งน้ำตาว่ามีลูก 5 คน มีเพียงนายหลอด ลูกคนที่ 2 ยังไม่แต่งงาน เพราะมีฐานะยากจน รับจ้างทำนาและรับจ้างทั่วไป ลูกชายจึงไม่มีโอกาสเรียนหนังสือสูง ต้องทำงานตั้งแต่อายุ 15 ปี ที่ผ่านมาได้ลูกชายคนนี้คอยส่งเงินมาให้ใช้เดือนละ 3,000 บาท ก่อนนี้ยังโทรคุยกับตนว่านายจ้างปรับค่าแรงให้วันละ 900 บาท และบอกว่าจะกลับบ้าน อยู่พร้อมหน้ากันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะถึงนี้

ขณะที่นายคำตา อายุ 58 ปี เพื่อนบ้านร้องไห้น้ำตานองหน้า บอกว่า ตนเป็นผู้รับเหมา หัวหน้างานของนายหลอด ทำงานด้วยกันมานานหลายปี หลังทราบข่าวตึกถล่ม ภาวนาให้นายหลอดปลอดภัย แต่ก็ไร้ปาฏิหาริย์ ต้องสูญเสียลูกน้องฝีมือดีไป
ทั้งนี้จะตั้งศพบำเพ็ญกุศล 2 วัน ก่อนเคลื่อนร่างไปฌาปนกิจที่วัดในชุมชน 3 เม.ย. สำหรับหมูบ้านคำสว่างนี้ มีคนในชุมชนไปเป็นช่างและกรรมกร สร้างตึก สตง.ที่พังถล่มลงมาประมาณ 20 คน และมีที่ยังสูญหาย ไม่พบตัวอีก 2 คน คือนายจักรกฤษณ์ อายุ 17 ปี ซึ่งบ้านอยู่ห่างจากบ้านนายหลอดแค่ 500 เมตร และนายเอกชัย
ส่วนที่จังหวัดอุดรธานี เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูนำร่างของนายกิตติพร ต้นกันยา หรือ “ตั๋ง” อายุ 32 ปี 1 ในผู้เสียชีวิตจากเหตุตึก สตง.ถล่ม จากแผ่นดินไหวในกรุงเทพมหานคร กลับมาส่งให้ครอบครัวที่บ้านเกิดเมื่อ 01.30 น. โดยตั้งศพไว้ที่วัดไทรทอง ต.หนองกุงศรี อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี ตั้งสวดพระอภิธรรมเพียงคืนเดียว และฌาปนกิจวันพรุ่งนี้ (2 เม.ย.)

ส่วนที่จังหวัดน่าน เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู นำร่างนายนอย ธิชะ อายุ 55 ปี กลับถึงบ้านเกิดที่บ้านป่าแลว ตำบลป่าแลวหลวง อำเภอสันติสุข เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โดยครอบครัวได้จุดธูปบอกเจ้าที่เจ้าทาง เปิดทางให้ดวงวิญญาณของนายนอยเข้าบ้าน จากนั้นญาติๆ ได้ช่วยกันยกโลงบรรจุร่าง ท่ามกลางเสียงร้องไห้ระงมของภรรยาและลูกชาย ที่ยังทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียเสาหลักของบ้านไปอย่างไม่มีวันกลับบ้าน ก่อนจะประกอบพิธีขอขมาศพ และนำศพบรรจุในโลงเย็น ระหว่างนั้นคนในครอบครัวที่ยังทำใจไม่ได้ถึงกับเป็นลมล้มพับ จนต้องช่วยกันปฐมพยาบาล ทั้งนี้จะตั้งสวดพระอภิธรรม 2 วัน และฌาปนกิจพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน ที่ฌาปนสถานบ้านป่าแลว
พี่สาวของนายนอยเล่าให้ฟังว่า ผู้ตายเป็นน้องคนสุดท้อง ก่อนเกิดเหตุยังวีดีโอคอลมาอวยพรวันเกิดหลาน วันเกิดเหตุครอบครัวพยายามติดต่อทุกช่องทาง กระทั่งภรรยาน้องชายได้รับแจ้งข่าวว่าเสียชีวิตแล้ว สงกรานต์อยากให้น้องกลับบ้าน แต่ปีนี้กลับเร็ว และกลับมาแบบนี้ ยังทำใจไม่ได้
สำหรับนายนอยทำงานอยู่กับบริษัทอิตาเลียนไทย ตั้งแต่พฤศจิกายน 2537 รวมเวลา 37 ปี วันเกิดเหตุทำงานขับเครนในช่วงเช้า แต่ช่วงบ่าย ขณะเกิดเหตุ เปลี่ยนลงมาพักอยู่ที่ชั้น 30 พร้อมนายศิลปะ จอมหล้า ชาวบ้านจูน ต.ป่ากลาง อ.ปัว จ.น่าน ขณะนี้ยังหาตัวไม่พบ.-สำนักข่าวไทย