กรุงเทพฯ 29 ก.พ. – ตม.2 ถก สอท.อินโดฯ แจงปมคลิปไวรัล สาวอินโดโวยสนั่นโซเชียลเข้าไทยไม่ได้ ทำทริปฮันนีมูนล่ม อ้างสามีไม่มีเงินติดตัว เปิดวงจรปิดพบกุเรื่องสร้างคอนเทนต์ สอบประวัติพบเดินทางเข้าออกเมืองไทยบ่อยครั้ง
จากกรณีเพจสถานฑูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่ข้อมูลเตือนชาวอินโดนีเซียที่จะเข้ามาท่องเที่ยวไทย ให้เตรียมหนังสือเดินทาง ทริปการท่องเที่ยว และเงินติดตัว ไม่เช่นนั่นจะถูก ตม.ไทยส่งกลับ และต่อมามี นักท่องเที่ยวสาวชาวอินโดนีเซีย เผยแพร่ภาพคลิปลง Tiktok เผยว่า เมื่อช่วงเดือนมกราคม 2567 ตนและสามี ได้เดินทางมาฉลองฮันนีมูนที่ประเทศไทย ตนผ่าน ตม.ได้ แต่สามีติด ตม.เนื่องจากไม่มีเงินติดตัว ซึ่งตนได้พยายามกด ATM แสดงเงินแก่ จนท.ตม.แต่ก็ยังส่งสามีตนกลับ เป็นเหตุให้ตนต้องยกเลิกทริป และเดินทางกลับไปพร้อมสามี โดยเปลี่ยนไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นแทน จนกลายเป็นไวรัลในอินโดนีเซีย มียอดวิว 24.5 K ยอด comment 1,476 ความเห็น ส่งผลเสียหายต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทย และ ตม.เป็นอย่างยิ่ง
เรื่องดังกล่าว พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 และ โฆษก สตม.ได้ตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวว่า ทาง บก.ตม.2 ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนักท่องเที่ยวสาวชาวอินโดโพสข้างต้น และพบว่า ผู้โพสต์ เป็นชาวอินโดนีเซีย ชื่อ น.ส.ฟาลิดา ( นามสมมุติ ) ได้เดินทางเข้าไทย ทางสนามบินดอนเมือง เที่ยวบินที่ FD395 จากเมืองจาร์กาตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2567 โดยปรากฏภาพในวงจรปิดว่า หญิงดังกล่าวเดินทางเพียงคนเดียว ไม่มีสามีมาด้วยตามที่กล่าวอ้าง และได้รับอนุญาตเข้าไทย โดยเดินทางออกจากไทยเมื่อ 16 ม.ค.2567 ทางสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นเวลาที่พักในไทยกว่า 13 วัน ไม่ได้เดินทางออกทันทีตามที่พูดในคลิปแต่อย่างใด นอกจากนั้น ขยายผลพบว่า น.ส.ฟาลิดา เข้าออกไทยบ่อยครั้ง โดยมีอาชีพขายของออนไลน์ จึงเชื่อว่า น.ส.ฟาลิดาฯตั้งใจกุเรื่องขึ้น เพื่อสร้าง content เท่านั้น
เรื่องนี้ได้เชิญทางผู้แทนสถานทูตอินโดนีเซียในไทยมาร่วมรับฟังคำชี้แจง เมื่อวันที่ 28 ก.พ.2567 โดยมีนางเดวี เลสตารี ( Mrs. Dewi Lestari ) อัครราชทูตที่ปรึกษา หัวหน้าฝ่ายพิธีการทูตและกงสุล อินโดนีเซีย และคณะมาร่วมประชุม โดยได้รับเกียรติจาก นายนิธิ สีแพร รองผู้ว่าด้านการสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมประชุมด้วย เนื่องจากเรื่องนี้กระทบต่อนโยบายเปิดฟรีวีซ่า และการกระตุ้นการท่องเที่ยวของทางรัฐบาล เป็นอย่างยิ่ง
โดย พล.ต.ต.เชิงรณฯ ได้ชี้แจง พร้อมเปิดเผยหลักฐานวงจรปิดให้ที่ประชุมรับทราบ พร้อมชี้แจงว่า ทาง ตม.ไทย มีการจัดลำดับในการตรวจสอบกลุ่มท่องเที่ยวที่อาจแฝงตัวเข้ามาลักลอบทำงาน โดยดูแผนการท่องเที่ยว การจองที่พัก เป็นหลัก ส่วนเงินติดตัวเป็นประเด็นประกอบเท่านั้น เนื่องจากปัจจุบัน มีการใช้บัตรเครดิต และระบบ E-payment จำนวนมากแล้ว ดังนั้น การกล่าวอ้างเรื่อง การมีเงินติดตัวไม่พอแล้ว จะถูกปฏิเสธการเข้าเมือง จึงไม่ตรงตามข้อเท็จจริง และคนต่างชาติที่ถูกปฏิเสธเข้าเมืองส่วนใหญ่ ไม่สามารถแสดง แผนการท่องเที่ยว ไม่มีการจองที่พัก รวมถึงบางรายใช้หลักฐานการจองที่พักปลอมเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ ตม.ด้วย ซึ่งพบว่า คนอินโดนีเซียจำนวนมากถูกหลอกให้บินเข้าไทยเพื่อผ่านแดนไปประเทศเพื่อนบ้านเข้าไปเป็นคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเข้าข่ายเสี่ยงค้ามนุษย์ และที่ผ่านมา ทาง สถานทูตอินโดนีเซีย ยังเคยมีหนังสือขอบคุณ ตม.สนามบินดอนเมือง ที่ช่วยคัดกรองชาวอินโดนีเซียให้ด้วยซ้ำ
พล.ต.ต.เชิงรณ ได้ย้ำว่า ตม.ไทย พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอินโดนีเซียเสมอ จากนั้นนายนิธิ ได้ยืนยันเรื่องมาตรการฟรีวีซ่าของทางรัฐบาล และขอบคุณที่ทาง ตม.ได้เชิญพบปะหารือชี้แจงข้อมูลในครั้งนี้ ซึ่งทาง ททท.ได้รับทราบความชัดเจนจากทาง ตม.และจะนำเรียน รมว.ท่องเที่ยวฯ ต่อไป. -412-สำนักข่าวไทย