ชุมพร 2 ส.ค.-หนุ่มรับจ้างกรีดยางยกขันหมากข้ามจังหวัดสู่ขอสาวพิการแขนขาขาด หลังเพื่อนแนะนำให้รู้จักทางโทรศัพท์คบหาดูใจกัน 8 ปีเต็ม เตรียมจัดงานวิวาห์ที่บ้านเจ้าสาวใน จ.ชุมพร
หนุ่มรับจ้างกรีดยางยกขันหมากสู่ขอแต่งงานกับสาวพิการแขนขาขาดรายนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 2 ส.ค.60 หลังจากมีเสียงชื่นชมกันหนาหูว่าเป็นบุพเพสันนิวาสของเจ้าสาวผู้พิการ ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินไปที่บ้านเขาหน้าหัก หมู่ที่ 1 ต.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.อ้อย หรือตุ๊กตา อายุ 38 ปี ว่าที่เจ้าสาวที่พิการมาแต่กำเนิด ขาขวาขาดใต้หัวเข่าลงมา ส่วนขาซ้ายอ่อนแรง และแขนขวาขาดตั้งแต่เหนือข้อศอกขึ้นไป และพบ นายพรภิรมย์ หรือ ต้น อายุ 23 ปี ว่าที่เจ้าบ่าว ที่มาช่วยตรียมจัดงานแต่งงานที่จะมีขึ้นที่บ้านเจ้าสาวในรุ่งขึ้น (3 ส.ค.)
น.ส.อ้อย ว่าที่เจ้าสาวเปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า สำหรับครอบครัวมีอาชีพทำสวนปาล์ม เธอเป็นลูกสาวคนโต มีน้องสาว และน้องชาย ต่างมีครอบครัวไปหมดแล้ว พิการมาแต่กำเนิด เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร หลังจากนั้นก็ไปเรียนต่อด้านคอมพิวเตอร์ และการบัญชี ที่ศูนย์คนพิการ ที่ห้าแยกปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังเรียนจบมาอาจารย์ที่ศูนย์คนพิการปากเกล็ด ก็ฝากเข้าทำงานเป็นแคชเชียร์ที่โรงแรมชมพูอินน์ อ.เมือง จ.นครปฐม ตั้งแต่ปี 56 ผู้สื่อข่าวถามว่าที่เจ้าสาวว่ารู้จักกับฝ่ายชายได้อย่างไรนายพรภิรมย์ ว่าที่เจ้าบ่าว ตอบว่า เพื่อนของ น.ส.อ้อย ให้เบอร์โทรศัพท์กับตนตั้งแต่ปี 52 ตนจึงโทรศัพท์คุยกันเรื่อยมาโดยที่ไม่รู้เลยว่า ว่าที่เจ้าสาวเป็นคนพิการขาด้วนแขนด้วน โดยเริ่มแรกตนก็ส่งรูปถ่ายแบบเต็มตัวไปให้ฝ่ายหญิงดูและฝ่ายหญิงก็ส่งรูปครึ่งท่อนมาให้ตนดูก็ไม่ได้คิดอะไร พูดคุยกันทางโทรศัพท์เรื่อยมาจนกระทั่งนาน 3 ปี ได้เดินทางไปเจอกันจึงรู้ว่าหญิงสาวที่ตนคุยอยู่เป็นหญิงพิการ ไม่รู้ว่าจะเป็นด้วยบุพเพสันนิวาส หรือเนื้อคู่กันมาแต่ชาติก่อน จิตใจตนที่ได้เจอครั้งแรกกลับไม่คิดอะไรเลยกลับยิ่งรักและสงสารว่าที่เจ้าสาวมาโดยตลอด มีอาชีพรับจ้างกรีดยาง อยู่ที่ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ พ่อแม่เปิดร้านขายของชำอยู่ในหมู่บ้านที่ ต.ไชยราช ฐานะครอบครัวก็ปานกลางไม่ได้ร่ำรวย ส่วนครอบครัวฝ่าย น.ส.อ้อย มีฐานะปานกลางอาชีพทำสวนปาล์ม คบกันมา 8 ปีเต็ม กระทั่ง น.ส.อ้อย ได้บอกกับตนว่าถ้ารักกันจริงก็ให้พ่อแม่ไปสู่ขอ ตนจึงบอกว่าขอเก็บเงินก่อนได้ 5 หมื่น จะพาพ่อแม่ไปสู่ขอ
นายพรภิรมย์ ระบุเมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ตนพาพ่อและแม่ไปเดินทางไปสู่ขอ น.ส.อ้อย ตามประเพณี โดยพ่อแม่ของ น.ส.อ้อย เรียกสินสอดทองหมั้น เป็นเงินสด 2 หมื่นบาท สร้อยคอทองคำ หนัก 2 บาท และกำหนดพิธีแต่งานกันในวันพฤหัสบดีที่ 3 ส.ค. 60 เวลา 10.00 น. ที่บ้านเจ้าสาว โดยพิธีแห่ขันหมากจะเริ่มเวลา 8 โมง 9 นาที เสร็จพิธีก็จะเป็นงานเลี้ยงแบบโต๊ะไทยสำเร็จซึ่งทั้งตนเองและว่าที่เจ้าสาวได้แจกการ์ดเชิญแขกไปแล้วจำนวน 620 ใบ จัดโต๊ะในงานเลี้ยงไว้ 130 โต๊ะ ส่วนของชำร่วยที่แจกในงานเป็นแก้วน้ำ นายพรภิรมย์ บอกกับผู้สื่อข่าวอีกว่า หลังเสร็จพิธีแต่งงานตนก็จะอยู่ที่บ้านเจ้าสาว 3 คืน หลังจากนั้นก็จะพาเจ้าสาวไปอยู่กับพ่อแม่ที่ อ.บางสะพานน้อย ช่วยพ่อแม่ที่ร้านขายของชำ โดยตนและเจ้าสาววาดอนาคตเอาไว้ว่า จะมีลูกทันทีเพียง 1 คน แต่สำหรับตนอยากได้ลูกผู้ชาย
ด้านนางสะอื้น พานทอง แม่ของว่าที่เจ้าสาว เปิดเผยว่ารู้สึกดีใจไม่คิดว่าจะมีวันนี้เพราะลูกสาวพิการมาแต่กำเนิดแต่เห็นฝ่ายชายว่าที่ลูกเขยเป็นคนจริงจังและรักลูกสาวของนางจริง ก็สบายใจว่าเขาคงจะเลี้ยงดูลูกสาวได้ สำหรับการ์ดเชิญ ตนเองได้เชิญ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน สมาชิก อบต. นายก อบต. รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สลุย ให้มาร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ด้วย.-สำนักข่าวไทย