“ชัยธวัช” ย้ำจุดยืนก้าวไกล ต้องอำนวยความยุติธรรมทุกคน

กทม. 18 ก.พ.- “ชัยธวัช” บอกอดสงสัยไม่ได้ ป่วยจริงหรือไม่ “ทักษิณ” พักโทษปุ๊บ ออกจาก รพ.ทันที ชี้ อาจเรียก “นิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน” ได้ ย้ำจุดยืน “ก้าวไกล” ต้องอำนวยความยุติธรรมเท่ากันทุกคน มองเป็นสิทธิ “อนุทิน-นักการเมือง” เตรียมตัวเข้ากราบ บอกไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ระวังให้อยู่ในกรอบการพักโทษ โต้ “ภูมิธรรม” ถ้าไม่เกิดนายกฯ 2 คนก็ดี ย้ำเป็นธรรมดาที่สังคมคิด


ที่ศูนย์ประสานงานพรรคก้าวไกล เขตบางแค นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษและกลับบ้านจันทร์ส่องหล้าในวันนี้ ว่า เราอยากจะสื่อสารแม้ว่าหลายคนจะเห็นว่า นายทักษิณ ในฐานะอดีตผู้นำทางการเมือง ถูกรัฐประหาร และมีการดำเนินคดีตามมาหลังจากนั้น และมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้นสมควรได้รับความยุติธรรม แต่เราอยากจะบอกว่า แน่นอนใครก็ตามที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐประหารหรือถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ควรจะได้รับความยุติธรรม แต่เราไม่ควรใช้วิธีการที่ไปตอกย้ำกระบวนการยุติธรรมที่สองมาตรฐาน การปฏิบัติที่ไม่เสมอภาคเท่าเทียมกัน เราอาจจะเรียกว่าเป็นระบบนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน เพราะสุดท้ายก็ทำให้สังคมตั้งคำถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นถูกต้องเป็นธรรมหรือไม่ คนที่ควรจะได้รับการอำนวยความยุติธรรม ควรจะมีแค่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือควรจะเป็นคนทุกกลุ่ม ตนคิดว่าเป็นหลักการสำคัญที่พรรรคก้าวไกลให้ความสำคัญ

เมื่อถามว่าวันนี้ที่นายทักษิณ กลับบ้านได้ แสดงว่า 180 วันที่ผ่านมา ตั้งข้อสงสัยได้หรือไม่ว่าไม่ป่วยจริง นายชัยธวัชกล่าวว่า เป็นประเด็นที่ถูกตั้งข้อสงสัยแน่นอน ที่ผ่านมาในทักษิณอ้างว่า มีเหตุเรื่องสุขภาพ ต้องอยู่โรงพยาบาลนอกเรือนจำ แตกต่างจากผู้ต้องขังคนอื่น ขณะเดียวกันที่ผ่านมาก็มีการเรียกร้องให้มีการเปิดเผยข้อมูล ซึ่งกระทบต่อผลประโยชน์สาธารณะ ความโปร่งใส ดังนั้นเรื่องนี้ทำให้สังคมอดสงสัยไม่ได้ เมื่อเข้าเกณฑ์ได้รับการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ ก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ทันที เป็นการตอกย้ำการเลือกปฏิบัติ ซึ่งไม่เสมอภาคเท่าเทียมกัน เราคิดว่ามันไม่ควรเกิดขึ้น สังคมคาดหวังว่า เมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่ จะทำให้สังคมเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบประชาธิปไตยที่ดีมากขึ้น มีการอำนวยความยุติธรรมให้กับคนมากขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ตอกย้ำปัญหาเดิมๆ ให้หนักหน่วงมากขึ้น


เมื่อถามว่าประเมินคนที่มีความเห็นต่างจะทำให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ก็ไปเพิ่มความไม่พอใจ ความคับข้องใจ แทนที่จะคลี่คลายความขัดแย้ง ซึ่งตอนนี้คิดว่าวิธีการที่ดีที่สุด คือการอำนวยความยุติธรรมให้ทุกคนแบบเสมอภาค

ส่วนที่พรรคร่วมรัฐบาล เช่น นายอนุชิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เตรียมเข้าไปกราบนายทักษิณนั้น มองปรากฏการณ์นี้อย่างไร นายชัยธวัช ระบุว่า คนที่เคารพนับถือ รู้จักชอบพอนายทักษิณก็คงจะมีสิทธิ์ไปเข้าพบ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ซึ่งการพักโทษนั้น ต้องระมัดระวัง ต้องอยู่ในกรอบที่สังคมรับได้ ส่วนจะกระทบกับการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องดูในอนาคต

เมื่อถามว่า หากนายทักษิณออกมาจะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีอีกคนหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า นี่เป็นสิ่งที่ตนเคยเตือนว่าถ้ารัฐบาลนี้บริหารจัดการไม่ดี แล้วเกิดสภาวะเสมือนนายกรัฐมนตรีมากกว่าหนึ่งคน เพราะมีหลายคนบอกว่าอาจจะมากกว่าสองคน ก็จะไม่เป็นผลดีกับตัวนายกรัฐมนตรีเอง และอาจทำให้สถานการณ์ตรงนี้เพิ่มความกดดันให้กับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้


เมื่อถามถึง กรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าการคิดว่านายกรัฐมนตรี 2 คนเป็นการคิดมากเกินไปนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า หากไม่เกิดขึ้นก็ดี ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่สังคมคิดไปได้

เมื่อถามว่า การออกมาของนายทักษิณจะทำให้คะแนนนิยมของพรรคก้าวไกล ลดลงหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า คงเป็นคนละเรื่องกัน ความนิยมของพรรคก้าวไกล คงขึ้นอยู่กับการทำงานของพรรคเอง ว่าจะสามารถทำงานอย่างที่ประชาชนคาดหวังได้หรือไม่

เมื่อถามว่า ต่อจากนี้จะต้องจับตาอะไรบ้างหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า หลายส่วนคงอยากทราบความชัดเจน ความโปร่งใสในการพิจารณาเกี่ยวข้องกับกฎระเบียบ กฎเกณฑ์ต่างๆ ของนายทักษิณ ซึ่งสืบเนื่องเนื่องมาจากเรื่องของสิทธิในการที่จะได้รับการรักษาตัว มาจนถึงเรื่องการพักโทที่ว่าทำไมนายทักษิณจึงได้รับการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ แล้วการปฏิบัติหลังจากนี้จะเสมอภาคเท่าเทียมกันหรือไม่ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ที่จะต้องสร้างความกระจ่างให้ดี

เมื่อถามว่า มองทิศทางการเมืองหลังจากนี้อย่างไรบ้าง นายชัยธวัช กล่าวว่า โจทย์ใหญ่ของรัฐบาลขณะนี้คือสังคมยังเฝ้ารอว่า มีรัฐบาลใหม่มาแล้วจะมีการผลักดันนโยบายสำคัญๆ สำเร็จหรือไม่ เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลแล้วสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่อย่างไรไม่ว่าจะในทางการเมือง ในทางกระบวนการยุติธรรม ในทางเศรษฐกิจ สังคม ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญที่นายเศรษฐาและรัฐบาลกำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่านายทักษิณจะได้รับการลงโทษออกมาหรือไม่ แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญจริงๆ

เมื่อถามว่า ทางพรรคก้าวไกล จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเรื่องของนายทักษิณเลยหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า คงยังเร็วไปที่จะมีการตั้งคณะกรรมการอะไร แต่ตนคิดว่าพรรคฝ่ายค้านคงจะติดตามตรวจสอบเรื่องนี้ ที่ยังมีอีกหลายกลไกที่จะสามารถตรวจสอบได้ในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องตั้งคณะกรรมการอะไร .312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง