มะนิลา 1 ส.ค. – รายงานขององค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ระบุว่า ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้นมากที่สุดในทวีปเอเชีย
รายงานเผยว่า ฟิลิปปินส์มีจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 140 ในช่วงระหว่างปี 2553-2559 ถึงแม้ว่าทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงร้อยละ 13 ในช่วงเดียวกันก็ตาม นายเอมอนน์ เมอร์ฟีย์ ผู้อำนวยการทีมงานสนับสนุนระดับภูมิภาคของโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) ออกแถลงการณ์ระบุว่า ฟิลิปปินส์ยังมีโอกาสที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเอชไอวี โดยรัฐบาลจำเป็นต้องเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงติดโรคอย่างใกล้ชิด
เจ้าหน้าที่จากสำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์กล่าวว่า ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงมากที่สุด โดยผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี 8 ใน 10 รายเกิดจากพฤติกรรมรักร่วมเพศ เธอกล่าวอีกว่า คนเหล่านี้จะเริ่มมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกตอนอายุ 16 ปี และเริ่มมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักตอนอายุ 17 ปี ก่อนที่จะหันมาใช้ถุงยางอนามัย หรือรับการตรวจหาเชื้อเอชไอวี ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้ออย่างยิ่ง
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลให้บรรดาคนวัยหนุ่มสาวเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มมากขึ้น อาทิ การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต และการใช้โทรศัพท์มือถือที่ล้วนเป็นปัจจัยช่วยให้มีการผลัดเปลี่ยนคู่นอนได้ง่าย ด้านนางพอลลีน อูเบียล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเอชไอวีมาเป็นอันดับแรกๆ และว่า ได้มีการจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นจำนวนมาก เพื่อรับมือกับปัญหานี้โดยเฉพาะ โดยกระทรวงตั้งเป้าที่จะทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงใน 5 ปี.- สำนักข่าวไทย