fbpx

พฐ.ตรวจโรงงานพลุ-ญาติทยอยรับศพ

สุพรรณบุรี 18 ม.ค. – ตำรวจพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี เบื้องต้นคาดเกิดสะเก็ดไฟในขั้นตอนผลิตพลุดอกไม้ไฟ ก่อนลามไปยังหลุมเก็บดินระเบิด ขณะที่วัดโรงช้าง ญาติทยอยรับร่างผู้เสียชีวิตแล้ว


พลตำรวจตรีกำธร อุ่ยเจริญ ผู้บังคับการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ EOD เพื่อหาสาเหตุของการระเบิดในครั้งนี้

เมื่อลองเทียบเคียงภาพแรกเป็นเหตุการณ์พลุระเบิดเมื่อปี 65 สภาพโรงงานยังหลงเหลืออาคารอยู่ ส่วนอีกภาพเหตุระเบิดล่าสุด แทบไม่เหลืออาคารโรงงาน เหลือเพียงเค้าโครงสร้างของโรงงาน จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ได้แบ่งออกเป็น 4 โซน คือ A B C D


โดยจุด C เป็นอาคารที่ประกอบพลุ พนักงานทำงานอยู่บริเวณจุดนี้ ส่วนโซน A พบหลุมขนาดใหญ่ กว้าง 5.3 เมตร ลึก 1 เมตร คาดว่าเป็นจุดที่มีการเก็บดินระเบิดหรือดินดำ ที่เป็นวัตถุดิบก่อนจะนำมาผลิตพลุดอกไม้ไฟ นอกจากนี้ยังพบหลุมระเบิดทั้งหมด 23 หลุม กระจายอยู่ทั่วบริเวณ

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบลักษณะของร่างผู้เสียชีวิตที่กระเด็นไปทางฝั่งทุ่งนา ด้านหน้าของตัวโรงงาน ซึ่งมีลักษณะกระเด็นไปไกลไม่ต่ำกว่า 160 เมตร จึงสันนิษฐานว่า ในโซน C อาคารประกอบพลุดอกไม้ไฟ น่าจะเป็นจุดแรกที่มีการระเบิด อาจเกิดจากสะเก็ดไฟในขั้นตอนการบรรจุ หรือลากถูลังพลุ ก่อนจะลามไปจุดที่บรรจุดินระเบิด โซน A แรงอัดจากระเบิดทำให้ร่างของผู้เสียชีวิตกระเด็นไปในทิศทางเดียวกัน

ส่วนความแน่ชัดว่าเกิดระเบิดจากสาเหตุใด ต้องรอพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบทั้งหมดก่อน แล้วค่อยมาวิเคราะห์กับการตรวจพื้นที่เกิดเหตุนี้ จึงจะสามารถระบุได้อย่างชัดเจน ส่วนหลุมระเบิดสามารถบอกถึงปริมาณดินที่เป็นวัตถุระเบิด หากหลุมขนาดใหญ่ก็เท่ากับว่ามีดินระเบิดจำนวนมาก จากการประเมินคาดว่ามีอย่างน้อย 400-500 กิโลกรัม เฉพาะหลุมใหญ่ อำนาจการทำลายล้างในรัศมีประมาณ 1.5 กิโลเมตร แรงที่ทำให้เสียชีวิตในทันทีประมาณ 100-200 เมตร


ขณะที่ศาลาวัดโรงช้าง จ.สุพรรณบุรี ญาติผู้เสียชีวิตทยอยให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจสอบยืนยันตัวตนผู้เสียชีวิต และตรวจเทียบเคียง DNA รวมถึงให้ข้อมูลกับตำรวจ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ น้ำฝน คนงานที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะลูกชายโทรมาบอกว่าสั่งของแต่งรถไป ขนส่งมาส่งของแล้ว ให้ไปจ่ายเงินให้หน่อย 70 บาท จึงทำให้รอดตายอย่างหวุดหวิด ขณะที่เจ้าของโรงงานก็มาให้ปากคำกับตำรวจเช่นกัน และประกาศว่าจะหยุดทำโรงงานพลุ ท่ามกลางความโศกเศร้า หลังสูญเสียภรรยาและลูก

สำหรับร่างผู้เสียชีวิต ขณะนี้ได้ครบหมดแล้วทั้ง 23 ศพ อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิสูจน์อัตลักษณ์ โดยการสังเกตมี 4 วิธี คือ รอยสัก-เสื้อผ้า-เครื่องประดับ และมีการยืนยันจากญาติ จากลายนิ้วมือ ฟัน และจากการตรวจ DNA ตรงกันกับญาติ เพื่อป้องกันการส่งร่างผิด และหลังจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลนานกว่า 9 ชั่วโมง ได้ประกาศรายชื่อผู้เสียชีวิต และให้ญาตินำร่างกลับไปบำเพ็ญกุศลได้ทั้งหมด 8 ศพ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกตรวจน้ำท่วมเชียงราย

นายกฯ บินเชียงราย ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม

“นายกฯ แพทองธาร” ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม เตรียมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.เชียงราย พร้อมตรวจเยี่ยมการลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือของกองทัพ

ชิงทองระนอง68บาท

รวบแล้วโจรชิงทอง 68 บาท กลางห้างดังระนอง

รวบแล้ว 2 คนร้ายชายหญิง จี้ชิงทอง 68 บาท ในห้างดังกลางเมืองระนอง ฝ่ายชายรับสารภาพ ชีวิตตกต่ำ ไม่มีรายได้ จึงชวนหลานสาววัย 16 ปี มาร่วมก่อเหตุชิงทอง

น้องชายรัวยิงพี่สาวตายกลางงานศพแม่ อ้างฉุนไม่ให้ร่วมจัดงานศพ

น้องชายชักปืนรัวยิงพี่สาวเสียชีวิตกลางงานศพแม่ ภายหลังน้องชายเข้ามอบตัวกับตำรวจ อ้างเหตุผลฆ่าเพราะโมโห รู้สึกว่าพี่สาวใจดำมากที่กีดกันไม่ให้ตนช่วยจัดงานศพแม่

บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ

เจ้าหน้าที่ อย. ร่วมสืบนครบาล บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ มีเบาะแสต้นตอการทะลักของยาเขียวเหลือง ตะลึงพบซากจิ้งจกตายในหม้อต้ม ขณะที่เจ้าของโรงงานยันประกอบอาชีพโดยสุจริต

ข่าวแนะนำ

ชายแดนแม่สายยังเละจมโคลน จับตาพายุลูกใหม่

แม้จะผ่านน้ำท่วมใหญ่ในรอบร้อยปีมาหลายวันแล้ว แต่ตอนนี้ชายแดนแม่สายยังเต็มไปด้วยความเสียหายและดินโคลนจำนวนมาก ชาวบ้านหลายคนยังไม่สมารถกลับเข้าบ้านได้

นายกฯ ตรวจความพร้อมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

นายกฯ ตรวจความพร้อมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค การซ้อมเป็นรูปขบวนเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ครั้งที่ 7 ณ โรงเรือพระราชพิธี ท่าวาสุกรี และวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ขณะที่ “เจ้าอาวาสวัดอรุณฯ” ให้กำลังใจทำหน้าที่ได้เต็มที่-ประสบความสำเร็จ

พายุโซนร้อน “ซูลิก” ทำฝนตกหนัก 76 จังหวัด 19-23 ก.ย.

พายุดีเปรสชันบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนทวีกำลังขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “ซูลิก” แล้ว คาดขึ้นฝั่งเวียดนามคืนนี้ หัวพายุส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีฝนแล้ว ช่วงระหว่างวันที่ 19-23 ก.ย.67 มีพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักถึงหนักมาก 76 จังหวัด