ร้อยเอ็ด 7 ม.ค. – ร้อยเอ็ดคึกคัก! “เศรษฐา-แพทองธาร” Kick off “30 บาท รักษาทุกที่” ประชาชนนับหมื่นคนแห่ร่วมงาน “อุ๊งอิ๊ง” ทักทายภาษาอีสาน บอกจุดกำเนิดเริ่มจาก “รัฐบาลทักษิณ” 22 ปีก่อน ท่ามกลางข้อครหา-เจอวาทกรรมแง่ร้ายมากมาย มาวันนี้ “รัฐบาลเศรษฐา” เดินหน้าต่อยอด “นายกฯ” หวังเป็นโยบายช่วยคนไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
ที่ลานสาเกตนคร หน้าหอโหวด 101 จ.ร้อยเอ็ด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะรัฐมนตรี รวมถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ร่วมพิธีเปิดกิจกรรม Kick off “30 บาท รักษาทุกที่” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนโยบายหลักของรัฐบาล
ทันทีที่นายกรัฐมนตรี และคณะ ถึงบริเวณงานหน้าหอโหวด 101 มีหัวหน้าส่วนราช รวมถึง สส.ในพื้นที่ และประชาชนชาวร้อยเอ็ด กว่าหมื่นคน รอต้อนรับ พร้อมชมว่าเสื้อที่นายกฯ ใส่สวยมาก ก่อนที่นายกฯ จะได้กล่าวขอบคุณพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ให้
นอกจากนี้ประชาชนต่างร่วมกับชู “บัตรประชาชนจำลอง” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์โครงการ “30 บาท รักษาทุกที่” จากนั้นนายกฯ ได้เดินทักทายประชาชนที่มาร่วมงานด้วยท่าทียิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับร่วมถ่ายรูปเซลฟี่กับประชาชน โดยช่วงหนึ่งได้ถ่ายรูปกับชาวบ้าน โดยมี น.ส.แพทองธาร เป็นช่างภาพให้ ก่อนที่ทั้งคู่จะไปถ่ายรูปร่วมกัน ท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่น
จากนั้นนายกฯ ได้ชมนิทรรศการ “ประชาชนได้อะไรจากนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่” พร้อมรับชมการแสดงชุด Amazing ร้อยเอ็ด นโยบายดีๆ เพื่อคนไทย และ VTR “นโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่”
น.ส.แพทองธาร กล่าวทักทายด้วยภาษาอีสานว่า “ขอบคุณหลายๆ ที่มากันคักขนาด” จากนั้นกล่าวรายงานความคืบหน้าและที่มาที่ไปโครงการว่า ยินดีที่ได้มาสื่อสารข้อความที่รัฐบาลกำลังทำต่อยอดจากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องคนไทยมาตลอด 22 ปี วันนี้จะเป็น 1 วันประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เพราะระบบสาธารณสุขไทยจะได้รับการยกระดับให้ทันสมัยขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีรวบรวมข้อมูลเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ให้ระบบสาธารณสุขดีขึ้นเรื่อยๆ และให้พี่น้องประชาชนได้รับการบริการที่ดีขึ้น มีคุณภาพมากขึ้นเข้าถึงง่ายขึ้น
ทั้งนี้ 30 บาทรักษาทุกโรค มีมานานกว่า 22 ปี วันนั้นเราสร้างความเปลี่ยนแปลงให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ วันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะพัฒนานโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ให้เป็นนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ทำให้ระบบสาธารณสุขของไทยมีระบบมากขึ้น นอกจากรักษาฟรี ยังบริการดีทั่วถึงและทันสมัยมากขึ้น
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า วันนั้นมีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี จัดตั้งรัฐบาลได้เพียง 2 เดือน ก็เริ่มมีจังหวัดนำร่องในการทำโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ทยอยทำจนครบทั่วทั้งประเทศ วันนี้รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน 7 มกราคม 2567 ถือเป็นวันเริ่มต้นนโยบาย โดยนำร่อง 4 จังหวัด คือ แพร่ เพชรบุรี นราธิวาส และร้อยเอ็ด ซึ่งจังหวัดอื่นรอไม่นานจะครอบคลุมทุกประเทศ
“เราจะไม่ต้องรอ เสียเวลาวุ่นวายที่โรงพยาบาล ไปหาโรงพยาบาลตามทะเบียนบ้าน ไม่ต้องเสียเวลาทั้งวันเพื่อไปรอ ไม่ต้องรอรับยานานเกินไปตรวจเลือดซักประวัติก่อนพบหมอ สามารถทำได้เลยในสถานีอนามัย หรือคลินิกใกล้บ้านที่เป็นเครือข่าย สปสช. และในบางกรณีไม่ต้องมาโรงพยาบาล สามารถใช้ telemedicine พูดคุยกับคุณหมอผ่านทางออนไลน์ และเมื่อเรารับยาไปสามารถปรึกษากับเภสัชผ่านออนไลน์เห็นหน้าพูดคุยได้ด้วย สามารถทำนัดออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อม”
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่านโยบายนี้จะสามารถเปลี่ยนชีวิตของพี่น้องได้ไปตลอดกาลเหมือนที่ 30 บาทรักษาทุกโรคเคยทำมาแล้ว 22 ปีที่แล้วเราเริ่มที่ 8 เมษายน วันนี้เราเริ่มที่ 7 มกราคม เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปจะทำให้นโยบายของเราสามารถพัฒนาอย่างแข็งแรงขึ้น และแน่นอนว่ารัฐบาลจะสานต่อโครงการที่ดีมากๆ อยู่แล้วให้ดีขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบโจทย์พี่น้องประชาชน ตามยุคตามสมัยเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ ขอขอบคุณผู้ที่ผลักดันและสร้าง 30 บาทรักษาทุกโรค ทั้ง นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ ผู้ล่วงลับไปแล้ว นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และการผลักดันของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่ทำให้ประเทศไทยมีโครงสร้างหลักประกันสุขภาพที่ดี ถ้าไม่มีโครงการ 30 บาทในวันนั้น วันนี้เราคงทำงานได้ยากกว่า แม้ในตอนนั้นจะมีหลายครหาที่ไม่เข้าใจ มีวาทกรรมในแง่ร้ายมากมาย วันนี้ทุกท่านให้เห็นแล้วว่า 30 บาทรักษาทุกโรค ได้เปลี่ยนชีวิตของพี่น้องประชาชนได้ดีขึ้นจริงๆ นั่นแปลว่านโยบายที่ดีสามารถเปลี่ยนชีวิตของเราได้ วันนี้รัฐบาลกลับมารับไม้ต่อ ทำให้ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็น 30 บาทรักษาทุกที่ เราจะไม่หยุดพัฒนานโยบายที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
ขณะที่นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดกิจกรรม Kick off “30 บาท รักษาทุกที่” ว่าสวัสดีครับพ่อแม่พี่น้อง ผมเศรษฐาเด้อ สบายดีบ่ ตนรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีที่ได้มาเปิดงานนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ในวันนี้ ขอขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน วิชาชีพต่างๆ ประชาชน รวมทั้ง อสม. ในทุกจังหวัดนำร่องที่ช่วยกันขับเคลื่อนนโยบาย ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่ทุกฝ่ายช่วยกันผลักดันให้โครงการนี้สำเร็จเป็นรูปธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน เป็นการยกระดับหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้ประชาชนสามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียวเข้ารับการรักษาในทุกเครือข่ายทางลัด และเอกชนเป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลที่ตนได้แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งให้ความสำคัญกับการเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคนทุกกลุ่มในทุกพื้นที่ และเป็นนโยบายเน้นหลักของกระทรวงสาธารณสุข ผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพจากหน่วยงานทุกระดับทุกสังกัด ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นด้วยบัตรประชาชนเพียงใบเดียว อีกทั้งยังอำนวยความสะดวกการเข้าถึงข้อมูลของบุคลากรทางการแพทย์อีกด้วย
นายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เราได้ยกระดับหน่วยบริการให้เป็นโรงพยาบาลอัจฉริยะที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการจัดบริการสุขภาพให้แก่ประชาชน เช่น ประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์การออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัล การสั่งยาออนไลน์ การนัดหมายออนไลน์ เป็นต้น
“เพราะเราเห็นถึงความสำคัญของเวลาและคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน จึงนำเทคโนโลยีดิจิทัลมายกระดับการบริการสุขภาพดิจิทัล โดยคำนึงถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสำคัญเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนและช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล ลดระยะเวลาการรอคอย และลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประชาชน ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่านโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว จะช่วยให้คนไทยทุกคนได้รับการดูแลสุขภาพได้ทุกที่ให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง มีพลังในการดำเนินชีวิต และมีคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศต่อไป” นายกฯ กล่าว
จากนั้นนายกฯ ได้ถ่ายรูปหมู่กับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ ซึ่งถือเป็นการเปิดโครงการอย่างเป็นทางการ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทันที.-313-สำนักข่าวไทย