นายก​ฯ​ ลุยร้อยเอ็ด ติดตามแก้ยาเสพติด-ชาวบ้านแห่ต้อนรับ

ร้อยเอ็ด 1 พ.ย.- นายก​รัฐมนตรี​ ลงพื้นที่ร้อยเอ็ด​ ติดตามการแก้ไขปัญหายาเสพติด​ สั่งขยายผล​ 10 จังหวัด​ กำชับต้องมีน้ำใจให้ผู้บำบัด​เป็นป่วย​ ควรตรวจสารเสพติดเจ้าหน้าที่เพื่อความมั่นใจ​ ด้านชาวบ้านแห่ต้อนรับนายกฯ สวมกอด​ บอก “ตัวจริงสวย” มาก​


นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายก​รัฐมนตรี​ พร้อมด้วย​นา​ยภูมิ​ธรรม​ เวชย​ชัย​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​กลาโหม​ นางสาวจิราพร​ สินธุ​ไพร​ รัฐมนตรี​ประจำ​สำนักนายก​รัฐมนตรี​ และนางมนพร​ เจริญ​ศรี​ รัฐมนตรี​ช่วยว่าการ​กระทรวง​คมนาคม​เดินทางลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด​ เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหายาเสพติด​ โดยมีพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ​ พันธุ์​เพ็ชร์​ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รอให้การต้อนรับ

จุดแรกที่นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม​การแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด​ และกำหนดเป็นพื้นที่นำร่องทั่วประเทศ ณ วัดบ้านเขวาทุ่ง ตำบลเขวาทุ่ง อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งทันทีที่นายก​รัฐมนตรี​ เดินทางมาถึง​ ได้รับชมการแสดงจากชาวบ้านในพื้นที่​รำประเพณีชวนอ้ายเที่ยวเมือง​ร้อยเอ็ด และมีตัวแทนชาวบ้านผูกผ้าขาวม้าให้การต้อนรับ​


พร้อมฟังการรายงานผลการดำเนินการ​การแก้ไขปัญหายาเสพติด​ จาก​พลตำรวจตรี​ทรงพลัง​ บริบาลประสิทธิ์​ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด​  สาธารณสุข​จังหวัด​ โดยของบประมาณเพิ่มเติม​ในการบริหารจัดการ​ เนื่องจากยังมีบางส่วนที่ไม่เพียงพอ​ และรับฟังการบูรณการจาก​ มณฑล​ทหารบกที่ 21 กองทัพภาคที่ 2​

จากนั้นนายกรัฐมนตรี​ ได้พบปะกับประชาชน​ที่มารอต้อนรับ​ พร้อมขอนายกรัฐมนตรี​ถ่ายรูปและสวมกอด​อย่างเป็นกันเอว และชมนายก​ฯ​ ว่า​ ตัวจริงสวยมาก​

ก่อนที่จะรับมอบพระพุทธ​รูปปางชนะมาร​ และรูปหล่อเหมือนหลวงปู่อินทร์​ จากพระครูเกษมธรรมะสาคร เจ้าอาวาส ​ วัดเขวาทุ่ง


นางสาวแพทองธาร เป็นประธานการประชุมแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด​ ว่า เสียงแหบนิดนึง ยังไม่ค่อยหายดี ดีใจและเป็นเกียรติที่ได้ติดตามงานต่อจากนายกฯเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งมีความจริงจังในการปราบยาเสพติดทั้งประเทศ ซึ่งมีธวัชบุรีโมเดล จังหวัดร้อยเอ็ด และท่าวังผาโมเดล ที่จังหวัดน่าน

อย่างที่บอกปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาพื้นที่ที่หากไม่เอาจริงจะต่อนโยบายอื่นได้ยาก นโยบายยาเสพติดจึงถือเป็นวาระแห่งชาติ ที่รัฐบาลได้แถลงต่อสภา ทั้งนี้ขอบคุณที่ทำงานอย่างจริงจัง ซึ่งต้องอาศัยแรงกายแรงใจในการแก้ปัญหา ขณะที่คนที่ติดยาเสพติดที่เข้าสู่สังคมตนขอให้กำลังใจ เพราะการตกเป็นทาสยาเสพติดไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยกำลังใจจากสังคม ยืนยันว่า รัฐบาลนี้พร้อมสานต่อนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติด ไม่อยากให้ลูกหลานโตมากับยาเสพติด โดยเราจะตั้ง 10 จังหวัดนำร่องยกระดับให้เข้มข้นขึ้น ได้แก่ ภาคเหนือ เชียงใหม่ , ภาคกลาง อุทัยธานี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สกลนคร นครพนม ภาคตะวันออก ระยอง และ ภาคใต้ นครศรีธรรมราช ตรัง นราธิวาส

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า นอกจากนี้ขอให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ทำในเรื่องของแดชบอร์ด การอัปเดตข้อมูล เพื่อเป็นฐานข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครรับทราบข้อมูลร่วมกัน เข้าถึงข้อมูลได้ จะได้รู้ว่าเราแก้ปัญหาไปถึงจุดไหนแล้ว พร้อมย้ำว่า ยาเสพติดเป็นเรื่องของทุกคนที่ต้องช่วยกันทำให้หมดไป และหากปัญหายาเสพติดหมดไป จะช่วยแก้ปัญหาเล็กน้อยให้หมดไปด้วย ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงกังวลในเรื่องนี้ด้วย

ส่วนเรื่องของการปราบปราม นายกฯระบุว่า ขอให้ตัดวงจร และเพิ่มประสิทธิภาพการยึดอายัดทรัพย์เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก และคิดว่าจะเป็นการดี เราเองดูแลประชาชน แล้วเราต้องดูแล ข้าราชการที่ทำงานด้วย เมื่อถึงจุดนั้นอยากให้มีการตรวจเช็กข้าราชการด้วย ไม่ใช่การไม่ไว้ใจ แต่อยากให้เป็นตัวอย่างที่ดีว่าคนทำงานไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ประชาชนจะได้ไว้ใจคนที่เข้าไปปราบปราม ดูแล บำบัด

ส่วนเรื่องของการบำบัดมี ปปส. องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มหาดไทย (มท.) ตำรวจ ทหาร คอยดูแล และขอให้เร่งพิจารณาสถานพยาบาล และการเปิดศูนย์บำบัด อยากให้ย้ำเสมอว่า ขอให้ใจดีกับผู้รักษา เพราะกำลังใจเท่านั้นทำให้ผู้บำบัดเดินออกไปอย่างสง่างาม และขอย้ำในเรื่องของการฝึกอาชีพที่รัฐบาลอยากจะดูต่อเนื่องให้ผู้บำบัดมีอาชีพอย่างจริงจัง

สุดท้ายขอเน้นย้ำว่ารัฐบาลจริงจังกับการแก้ปัญหา ให้หมดไปทั้งประเทศ และให้ปัญหายาเสพติดลดลง 90% เป็นพื้นที่สีขาวในทุกพื้นที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตรี​ กล่าวมอบนโยบายเสร็จสิ้น​ รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด​ ได้ตอบรับว่าจะตรวจสารเสพติด ตั้งแต่ระดับผู้ว่าราชการจังหวัดลงไปถึงข้าราชการในทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมด

ก่อนที่นายกรัฐมนตรี​ และคณะ​ จะเดินทางต่อไปยัง ค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ตำบลโพธิ์สัย อำเภอศรีสมเด็จ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายก​รัฐมนตรี​ ให้รถยนต์​หมายเลขทะเบียน​ Lexus สีบรอนซ์เงินหมายเลขทะเบียน 5 ขส​ 45 กรุงเทพมหานคร​ ในการเดินทางปฏิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด​ .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ถก สมช.-ครม.นัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิง

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิงไทย-กัมพูชา ด้าน “บิ๊กเล็ก” ตั้งเกณฑ์วัดความจริงใจกัมพูชา 3 ระดับ บอกผ่าน GBC ระดับเลขาฯ แล้ว เบื้องต้นบรรลุข้อลงหยุดยิง ตามข้อเสนอ 8 ข้อ ขอรอดูปฏิบัติจริง ย้ำ MOU43 ยังมีประโยชน์เป็นข้ออ้างกล่าวหาเขมรได้-ขอสบายใจ ยึดประโยชน์ชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีรัฐพิเศษเพื่อที่จะรับรองข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ภายหลังคณะเลขานุการ GBC ไทย ได้เดินทางไปยังประเทศมาเลเซียเพื่อหารือในวงเล็กมาก่อนหน้านี้ โดยบรรยากาศการประชุมมีบรรดารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอาทิ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายชูศักดิ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รวมถึงคณะเลขานุการ GBC เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง พลเอกณัฐพล เปิดเผยก่อน การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) […]

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจสอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย