พรรครวมไทยสร้างชาติ 28 ธ.ค.-รทสช. เตรียมขุนพลร่วมอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯ 67 เตือนฝ่ายค้านอภิปรายอยู่ในกรอบ อย่าหลงประเด็นเป็นศึกซักฟอก
พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีการประชุมสส.ของพรรค เพื่อหารือเรื่องการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 3-5 มกราคม 2567 โดยมีแกนนำของพรรคเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง นำโดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค และ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี และ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ แถลงภายหลังประชุมว่า การอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ พรรคได้แบ่งหมวดหมู่จัดสรรผู้อภิปรายแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มคือ 1.ด้านเศรษฐกิจ 2.ด้านสังคม เด็ก สตรี และผู้มีความหลากหลายทางเพศ 3.อุตสาหกรรมและพลังงาน 4.ด้านการปกครองและท้องถิ่น 5.การท่องเที่ยว ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และ วัฒนธรรม 6. การศึกษา และสาธารณสุข
ทั้งนี้ นายเอกนัฏ จะเป็นขุนพลอภิปรายคนแรกให้เห็นในภาพรวมในมุมมองของพรรครวมไทยสร้างชาติที่มีต่อการจัดสรรงบประมาณในปีนี้ และยังมีผู้อภิปรายอีก 8 คน ใน 6 หมวดหมู่ และสุดท้ายนายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ จะอภิปรายสรุป โดยพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้รับการจัดสรรเวลา 90 นาที จะใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติมากที่สุด ในการอภิปรายชี้แนะ การจัดทำร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ เพื่อให้นำงบไปใช้เกิดประโยชน์สูงสุด
ส่วนจะมีการจัดทีมไว้หรือไม่ กรณีที่รัฐมนตรีของพรรคถูกพาดพิง นายอัครเดช กล่าวว่า ไม่ใช่การจัดทีมองครักษ์พิทักษ์ใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการพิทักษ์ในหลักการมากกว่า เพราะการอภิปรายครั้งนี้ เป็นการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ไม่ใช่อภิปรายไม่ไว้วางใจ
“ขอฝากไปถึงฝ่ายค้านว่า การอภิปรายครั้งนี้ อย่าหลงประเด็นว่าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้ามีการอภิปรายพาดพิงในส่วนของรัฐมนตรี หรืออดีตรัฐมนตรีที่ผ่านมา ทาง สส.ของพรรคมีความจำเป็น ต้องลุกขึ้นทักท้วงในที่ประชุม ให้การอภิปรายอยู่ในกรอบการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ”นายอัครเดช กล่าว
ส่วนที่ฝ่ายค้านมองว่าเป็นการซ้อมย่อยก่อนถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอัครเดช กล่าวว่า ได้ยินมาเช่นกัน การซักซ้อมสามารถทำได้เป็นเรื่องปกติ แต่การอภิปรายต้องอยู่ในประเด็นการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ การอภิปรายรัฐมนตรีควรอยู่ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนในครั้งนี้เป็นการชี้แนะรัฐบาลในการบริหารงบประมาณแผ่นดิน ดังนั้นอย่าหลงประเด็น.-312.-สำนักข่าวไทย