กรุงเทพฯ 1 ธ.ค.-กรมสรรพากร ปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ จะช่วยลดขั้นตอนการขอคืนภาษี รองรับไฮซีซัน
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง รักษาราชการแทน อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมสรรพากร ปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะหลักเกณฑ์เดิม ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งหลักเกณฑ์ที่ปรับใหม่ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป รองรับช่วง เพื่อลดความแออัดจากการรอคิวตรวจสินค้าหลักเกณฑ์ใหม่ จะช่วยลดจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต้องแสดงสินค้าลงจาก 1.2 แสนรายต่อปี เหลือประมาณ 3 แสนรายต่อปี หรือ ลดลงจาก 333 คนต่อวัน ที่ต้องแสดงสินค้าเหลือเพียง 84 คนต่อวัน หรือ ลดลงประมาณ 75%
หลักเกณฑ์ที่ปรับปรุง หลักๆ เป็นการเพิ่มวงเงินซื้อสินค้าที่ไม่ต้องผ่านพิธีการศุลกากร ประกอบด้วย 1. ปรับเพิ่มวงเงินซื้อสินค้าที่ต้องแสดงต่อศุลกากร จากเดิมตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป เป็น 20,000 บาทขึ้นไป เพื่อลดจำนวนคิว/การขอตรวจเอกสารที่ต้องตรวจสินค้า จาก 4,800 คนต่อวัน เหลือเพียง 1,400 คนต่อวัน หรือ ปรับลดลงกว่า 70%
2. ปรับเพิ่มมูลค่าสินค้าที่ต้องนำไปแสดงต่อสรรพากร 9 รายการ คือ เครื่องประดับ ,ทองรูปพรรณ ,นาฬิกา, แว่นตา, ปากกา, สมาร์ทโฟน, แล็ปท็อปหรือแท็บเล็ต ,กระเป๋า (ไม่รวมกระเป๋าเดินทาง) และ เข็มขัด จากเดิมมูลค่าต่อชิ้นตั้งแต่ 1 หมื่นบาทขึ้นไป เป็น 4 หมื่นบาทขึ้นไป และของที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ (carry-on) จากเดิม มูลค่าต่อชิ้นตั้งแต่ 5 หมื่นบาทขึ้นไป เป็น 1 แสนบาทขึ้นไป
รักษาราชการแทน อธิบดีกรมสรรพากร ชี้แจงเพิ่มเติมว่า เงื่อนไขการขอคืนภาษีในปัจจุบัน นักท่องเที่ยว ต้องมียอดซื้อไม่น้อยกว่า 2,000 บาทต่อร้านต่อวัน และจากการปรับหลักเกณฑ์ใหม่ ที่มีผลตั้งแต่วันนี้ จะช่วยลดขั้นตอนการขอคืนภาษีของนักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้ามูลค่ารวมไม่ถึง 20,000 บาท สามารถไปขอรับคืนภาษีจากเจ้าหน้าที่สรรพากรได้ โดยไม่ต้องผ่านพิธีการทางศุลกากรแต่อย่างใด.-511-สำนักข่าวไทย