รัฐสภา 25 มี.ค.- “วิโรจน์” จี้ อธิบดีกรมสรรพากร แจงปม นายกฯ ออกตั๋ว PN ประชาชนยึดโมเดลนี้ได้หรือไม่ มอง หากทำได้ให้ออกระเบียบเพื่อความเท่าเทียมทั้งประเทศ ก่อนยกคำพิพากษาเจตนาจำแลงมีความผิด เทียบเคียงเอาผิดจริยธรรม “แพทองธาร”
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อและในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าว ภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ที่ซื้อหุ้นต่อมาจากมารดาและเครือญาติรวม 5 ราย ในรูปแบบตั๋วสัญญาใช้เงินหรือ PN มูลค่า 4.4 พันล้านบาท โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นช่องโหว่ทางกฎหมายเลี่ยงมิให้มารดาและเครือญาติต้องจ่ายภาษีกว่า 218 ล้านบาท ว่า ประชาชนยังรอฟังคำตอบจาก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่ยอมรับว่า ได้มีการซื้อตั๋วสัญญา PN จริง และจะมีการจ่ายเงินภาษีในปีหน้า หากตนไม่ออกมาเปิดเผยจะมีการชำระหรือไม่ นอกจากนี้ประชาชนยังรอคำตอบจากอธิบดีกรมสรรพากร ว่าเป็นเรื่องปกติ ของคนในแวดวงธุรกิจที่ทำกันอย่างที่นายกรัฐมนตรีกล่าวอ้างหรือไม่ และหากเป็นเรื่องปกติขอให้คนที่ทำเช่นนี้ช่วยแสดงตัว แต่จากการที่ตนสอบถามไม่มีใครแสดงตัว โดยให้เหตุผลว่ากลัวสรรพากร จึงเป็นที่มาของคำถามว่าของแพทองธาร นำตั๋วPN และที่ไม่มีกำหนดวันจ่าย และดอกเบี้ย แลกกับหุ้นบริษัท ของคนในกงสี เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่เหตุใดจึงไม่กล้าแสดงตัว ทำไมถึงกลายเป็นนิรนาม ซึ่งเป็นสิ่งที่นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากรต้องตอบ ว่าพฤติกรรมของนางสาวแพรทอง ทำได้หรือไม่ เพราะปัจจุบันมีเจ้าของห้างร้านจำนวนมาก จะโอนหุ้นในทรัพย์สินให้กับลูก จะได้ยึดโมเดลแพทองธาร ตนยังรอความชัดเจน จากอธิบดีกรมสรรพากร ว่าจะมีระเบียบ ออกมาชี้แจงที่ชัดเจนหรือไม่ เพื่อให้การจัดเก็บภาษี การรับ- ให้ อัตรา 5% เสมอภาคทั้งประเทศ
นายวิโรจน์ ยังกล่าวอีกว่า ทราบว่ามีสื่อมวลชนพยายามติดต่ออธิบดีกรมสรรพากร เพื่อขอความชัดเจนในเรื่องนี้ แต่ยังไม่มีความเห็นในเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้นายวิโรจน์ ยังยกคำพิพากษาของศาลฎีกา ถ้าใช้ตั๋ว PN ในลักษณะเช่นนี้จำแลง การซื้อขายที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ตามเจตนา มีความผิดตามกฎหมาย สามารถเทียบเคียงเอาผิดด้านจริยธรรมของนายกรัฐมนตรีได้ เจตนารมณ์ภาษีรับ-ให้ เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับการรกระทำแบบนางสาวแพทองธารใช่หรือไม่ และคนที่ตอบได้ดีที่สุดคืออธิบดีกรมสรรพากร และตนจะไปยื่นเรื่องกับอธิบดีกรมสรรพากรในเร็วๆนี้ หากเรายอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ จะมีผลกระทบการจัดเก็บภาษีของประเทศ ซึ่งคน ที่เป็นระดับผู้นำของประเทศ ควรทำพฤติกรรมเช่นนี้หรือไม่ และมองว่า พฤติกรรมเช่นนี้ไม่ควรจะเกิดกับใครทั้งสิ้น ประชาชนควรได้รับความเสมอภาค ในการบังคับใช้กฎหมาย.-319 -สำนักข่าวไทย